ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง งานวิจัยนี้มุ่งศึกษารูปแบบ โมเดลธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Business Model) สำหรับบรรจุภัณฑ์ทางเลือก โดยเน้นกรณีศึกษาของ กระดาษจากข้าวโพด ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถทดแทนบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบดั้งเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การวิจัยนี้วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติสามารถแข่งขันในตลาดได้ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนเมื่อเปรียบเทียบกับบรรจุภัณฑ์จากพลาสติก นอกจากนี้ยังพิจารณาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์ผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในแง่ของ ความสามารถในการทำกำไร (Profitability) และ ผลกระทบทางสังคม (Social Impact) งานวิจัยนี้ใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการที่ใช้วัสดุทางเลือกในการผลิตบรรจุภัณฑ์ การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านแบบสอบถาม ผลการวิจัยคาดว่าจะช่วยให้เข้าใจถึง ศักยภาพทางธุรกิจของบรรจุภัณฑ์จากข้าวโพด แนวทางในการขยายตลาด รวมถึงกลยุทธ์ที่ธุรกิจสามารถใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว และผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางสำหรับ ผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาธุรกิจสีเขียว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องการส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนให้แพร่หลายในตลาด
ในปัจจุบัน แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และความยั่งยืน (Sustainability) ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลก อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งภาครัฐและผู้บริโภคในการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-Use Plastic) และเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สีเขียว (Green Packaging) โดยกระดาษจากข้าวโพด เป็นหนึ่งในวัสดุทางเลือกที่สามารถทดแทนพลาสติกและกระดาษทั่วไปได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ใช้วัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมการเกษตร และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติก ความเข้าใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการแข่งขันในตลาดที่ใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุชีวภาพอื่น ๆ ดังนั้น การศึกษานี้จึงมีความสำคัญต่อการ ทำความเข้าใจรูปแบบโมเดลธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Business Model) สำหรับบรรจุภัณฑ์จากข้าวโพด เพื่อระบุปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจประเภทนี้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการ วิเคราะห์ศักยภาพของบรรจุภัณฑ์จากข้าวโพดเมื่อเปรียบเทียบกับบรรจุภัณฑ์พลาสติก รวมถึง ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ต้องการพัฒนาธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ และผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้จะสามารถนำไปใช้ในการ ออกแบบกลยุทธ์ทางธุรกิจและการตลาด ที่ช่วยให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนสามารถเติบโตได้ในระยะยาว และยังเป็นแนวทางสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป
คณะวิทยาศาสตร์
ด้วยจำนวนผู้ป่วยโรคตับแข็งและมะเร็งตับที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการบริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีการปนเปื้อนอะฟลาท็อกซิน บี1 (AFB1) การพัฒนาเทคนิคการตรวจคัดกรอง AFB1 ที่รวดเร็วจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง งานวิจัยนี้ได้เสนอแอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมีรูปแบบใหม่ ซึ่งใช้อิเล็กโทรดที่ผลิตจากแผ่นทองคำเปลว (GLE) ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุเชิงประกอบนาโนทองแพลทินัม-รูทิเนียม/รีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ (AuPt-Ru/RGO) แบบใช้แล้วทิ้งและยังมีต้นทุนต่ำ วัสดุเชิงประกอบนาโนโลหะผสม AuPt-Ru นั้นถูกสังเคราะห์ขึ้นด้วยวิธีการเคมีรีดักชันทางเคมีร่วมกับการใช้คลื่นความถี่อัลตราโซนิก พบว่าอนุภาคที่สังเคราะห์ได้มีรูปร่างคล้ายผลหยางเหมย โดยมีแกนกลางเป็นทอง แพลตินัมเป็นขนล้อมรอบและรูทิเนียมกระจายอยู่รอบอนุภาค มีขนาดอนุภาคเฉลี่ย 57.35 ± 8.24 นาโนเมตร ทั้งนี้วัสดุเชิงประกอบนาโนทองแพลทินัม-รูทิเนียมได้ถูกวางลงบนแผ่นรีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ที่มีขนาดส้นผ่านสูนย์กลางภายใน 0.5 – 1.6 ไมโครเมตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนอิเล็กตรอน และเพิ่มพื้นที่ผิวสำหรับการตรึงแอปตาเมอร์ (Apt) ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการตรวจวัด AFB1 ได้อย่างแม่นยำ ด้วยปริมาณตำแหน่งกัมมันต์ที่มีขนาดใหญ่ และค่าความต้านทานในวงจรไฟฟ้ากระสลับที่ต่ำแอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมี GLEAuPt-Ru/RGO ที่สร้างขึ้นแสดงความไวสูงในการตรวจวิเคราะห์ AFB1 ผลการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคโวลแทมเมทรีพัลส์เชิงอนุพันธ์ (DPV) ได้แสดงค่าความเป็นเส้นตรงสำหรับการตรวจวัด AFB1 ในช่วงความเข้มข้น 0.3 – 30.0 พิโคกรัมต่อมิลลิลิตร (R2 = 0.9972) โดยมีขีดจำกัดต่ำสุดของการตรวจวัด (LOD, S/N = 3) และขีดจำกัดต่ำสุดของการวิเคราะห์ (LOQ, S/N = 10) อยู่ที่ 0.009 พิโคกรัมต่อมิลลิลิตรและ 0.031 พิโคกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ แอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมี GLEAuPt-Ru/RGO ให้ผลลัพธ์การวิเคราะห์ AFB1 ที่ดีในตัวอย่างจริง โดยมีร้อยละค่าคืนกลับของสัญญาณอยู่ในช่วง 94.6% ถึง 107.9% ในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น พริกแดงแห้ง กระเทียม ถั่วลิสง พริกไทย และข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมีที่สร้างขึ้นมีความเฉพาะเจาะจงต่อ AFB1 สูง และยังแสดงพฤติกรรมทางไฟฟ้าเคมีได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งคล้ายกับขั้วไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์อื่น ๆ โดยมีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ AFB1 ในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างดียิ่ง
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
สแน็คกรอบขาวไรซ์เบอร์รี เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำข้าวหักไรซ์เบอร์รีมาแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยวที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางกรอบ ขนาดพอคำ โดยนำข้าวหักไรซ์เบอร์รีมาผ่านการทำสุก นำมาบดละเอียด และผสมกับวัตถุดิบชนิดอื่นเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ได้แก่ ผสมเมล็ดพืช เพิ่มเพิ่มสารอาหารประเภทโปรตีนจากพืช จากนั้นนำมาขึ้นรูปเป็นแผ่นโดยใช้ความร้อน ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นแผ่นบาง มีสีน้ำตาลอมม่วง มีความกรอบ มีกลิ่นของส่วนผสมที่ใช้ในการผลิต ไม่มีส่วนผสมของน้่ำตาลและสารให้ความหวาน ใช้บริโภคเป็นขนมขบเคี้ยวร่วมกับเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ วาฟเฟิลกรอบไรซ์เบอร์รีเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งคาร์โบไฮเดรท โปรตีน ไขมัน ซึ่งได้มาจากส่วนผสมในสูตรการผลิต
วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
โครงสร้างกระดูกจากวัสดุชีวภาพเป็นวัสดุที่ช่วยให้การฟื้นฟู หรือซ่อมแซ่มเนื้อเยื้อกระดูกได้อย่างรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งนี้ตัววัสดุที่เป็นโครงสร้างสามารถที่จะย่อยสลายภายในร่างกาย หรือในระบบชีวภาพได้เป็นอย่างดี ในงานนี้จึงนี้จุดมุ่งหมายในการศึกษาถึงวัสดุ รูปร่าง และกระบวนการผลิตในการพิมพ์ 3 มิติด้วยเทคนิคการหลอมละลายเส้นพลาสติก (fused deposition modeling: FDM) ที่เหมาะสม ซึ่งได้ใช้ระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์เพื่อทำนายคุณสมบัติเชิงกลของโครงสร้างกระดูกที่มีรูปร่าง และขนาดรูพรุนที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามวัสดุที่ใช้การศึกษานี้ ได้แก่ พอลีแลคติคแอซิด (polylactic acid: PLA) พอลิคาโพรแลกโตน (polycaprolactone: PCL) และ ไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (hydroxyapatite: HA)