KMITL Innovation Expo 2025 Logo

เทคโนโลยีของพลาสมาและนิวเคลียร์ฟิวชัน

เทคโนโลยีของพลาสมาและนิวเคลียร์ฟิวชัน

รายละเอียด

เครื่องกำเนิดสถานะพลาสมาชนิดอาร์คโดยตรง 6 หัว การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของพลาสมา และความคืบหน้าของนิวเคลียร์ฟิวชันและโทคามัคประเทศไทย

วัตถุประสงค์

เทคโนโลยีพลาสมาเป็นนวัตกรรมที่สำคัญในอุตสาหกรรมการผลิต อิเล็กทรอนิกส์ และการแพทย์ โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในพลังงานสะอาด เช่น โทคามัค ซึ่งใช้พลาสมาในการสร้างปฏิกิริยาฟิวชันเพื่อผลิตพลังงานจากไฮโดรเจนอย่างยั่งยืน โทคามัคมีศักยภาพในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เป็นกุญแจสำคัญสู่พลังงานแห่งอนาคต

นวัตกรรมอื่น ๆ

การเพิ่มความเสถียรของน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารโดยใช้คลื่นอัลตราโซนิคร่วมกับการบ่มสมุนไพรไทย

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

การเพิ่มความเสถียรของน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารโดยใช้คลื่นอัลตราโซนิคร่วมกับการบ่มสมุนไพรไทย

การใช้น้ำมันพืชซ้ำในการประกอบอาหารส่งผลให้เกิดการเสื่อมสภาพและก่อให้เกิดสารพิษจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน การศึกษานี้มุ่งเน้นการเพิ่มเสถียรภาพของน้ำมันพืชโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตราโซนิคร่วมกับการบ่มปลีกล้วย 3 สายพันธุ์ ได้แก่ กล้วยไข่ กล้วยหอม และกล้วยน้ำว้า ซึ่งมีสารประกอบฟีนอลิกและสารต้านอนุมูลอิสระสูง งานวิจัยนี้ศึกษาการฟื้นฟูน้ำมันปาล์มที่ใช้แล้วโดยการบ่มร่วมกับปลีกล้วยที่ผ่านการอบแห้งและบดละเอียด โดยใช้คลื่นอัลตราโซนิคที่อุณหภูมิและระยะเวลาต่างๆ จากนั้นทำการทดสอบคุณภาพน้ำมันที่ได้รับการบ่มผ่านการวิเคราะห์ค่าทางกายภาพ (ปริมาณน้ำอิสระ ความชื้น และค่าสี) ค่าทางเคมี (ค่าดัชนีเปอร์ออกไซด์ ค่าความเป็นกรด และค่าไทโอบาร์บิทูริกแอซิด) และประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ (DPPH, ABTS และ FRAP)

Enhancing Sustainable Fish Gelatin Properties through Furcellaran Incoporation: Innovations in Eco-friendly Gelling Techniques

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

Enhancing Sustainable Fish Gelatin Properties through Furcellaran Incoporation: Innovations in Eco-friendly Gelling Techniques

-

การผลิตต้นวิโอลา (Viola) ดอกไม้กินได้ด้วยระบบการปลูกโดยไม่ใช้ดิน

คณะเทคโนโลยีการเกษตร

การผลิตต้นวิโอลา (Viola) ดอกไม้กินได้ด้วยระบบการปลูกโดยไม่ใช้ดิน

การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจนและโพแทสเซียมร่วมกับจำนวนชั่วโมงในการให้แสงต่อการเจริญเติบโตของต้นวิโอลา (Viola) ภายใต้โรงงานผลิตพืช เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิต ลดระยะเวลา และเพิ่มรอบการผลิตให้เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยวางแผนการทดลองแบบ 3x3 Factorial in CRD มี 9 กรรมวิธี กรรมวิธีละ 3 ซ้ำๆ ละ 6 ต้น ซึ่งปัจจัยที่ใช้ศึกษามีอยู่ 2 ชนิด คือ ปัจจัยที่ 1 ความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจน (N) ร่วมกับโพแทสเซียม (K) ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน 3 ระดับ ดังนี้ 1) N:K 1:1, 2) N:K 1:2 และ 3) N:K 2:1 ปัจจัยที่ 2 จำนวนชั่วโมงในการให้แสงต่อวันที่แตกต่างกัน 3 กรรมวิธี ดังนี้ 1) จำนวนชั่วโมงในการให้แสง 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง 2) จำนวนชั่วโมงในการให้แสงช่วง Vegetative 8 ชั่วโมงพัก 16 ชั่วโมง จากนั้นช่วงกระตุ้นตาดอกเพิ่มแสงเป็น 13 ชั่วโมง พัก 11 ชั่วโมง หลังจากเกิดตาดอก จะให้แสง 8 ชั่วโมง พัก 16 ชั่วโมง และ 3) จำนวนชั่วโมงในการให้แสง 5 ชั่วโมงพัก 3 ชั่วโมง โดยทุกกรรมวิธีปรับอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ค่า EC 1.5-2.0 mS/cm และ ค่า pH 5.8-6.5 ผลการทดลอง พบว่า การให้ระดับความเข้มข้นของปุ๋ย N:K ในอัตราส่วน 1:1 ร่วมกับแสง 24 ชั่วโมง ทำให้การเจริญเติบโตทางลำต้นและมีคุณภาพดอกมากที่สุด รวมทั้งการประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสโดยภาพรวมอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ เหมาะแก่การนำไปประกอบอาหารหรือตกแต่งจาน ซึ่งกรรมวิธีนี้ทำให้สามารถเพิ่มคุณภาพของผลผลิตได้ดีที่สุด สามารถลดระยะเวลาในการผลิตดอกวิโอลาในแต่ละรอบจาก 90-100 วัน ลดลงเหลือ 43-45 วัน และเพิ่มรอบการผลิตให้เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาล หรือสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งดีต่อเกษตรกรผู้ผลิต