KMITL Innovation Expo 2025 Logo

เจลลี่ลูกชก

เจลลี่ลูกชก

รายละเอียด

เจลลี่ลูกชกที่ผลิตจากผลไม้ท้องถิ่นของจังหวัดพังงา โดยใช้ความหวานจากหญ้าหวานแทนน้ำตาล ถือเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรท้องถิ่น ช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการลดการบริโภคน้ำตาล นอกจากนี้ ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน เนื่องจากใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น และมีศักยภาพในการเป็นของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดพังงา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเกษตรในท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจของภูมิภาค"

วัตถุประสงค์

การพัฒนาผลิตภัณฑ์เจลลี่จากผลลูกชก ซึ่งเป็นผลไม้ท้องถิ่นของจังหวัดพังงาที่มีความโดดเด่นและหายาก วงจรชีวิตที่สั้นและให้ผลผลิตเพียงปีละครั้ง การนำลูกชกมาแปรรูปเป็นเจลลี่จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าและยืดอายุการเก็บรักษาของผลผลิตทางการเกษตรท้องถิ่น นอกจากนี้ การใช้หญ้าหวานเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลยังสอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลต่ำอีกด้วย ลูกชกมีคุณสมบัติทางโภชนาการที่น่าสนใจ โดยมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและมีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเลือด ลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายได้เป็นอย่างดี การนำลูกชกมาแปรรูปเป็นเจลลี่จึงเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ โครงการวิจัยนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดผลประโยชน์หลายประการ ได้แก่ การอนุรักษ์พันธุ์พืชท้องถิ่น การสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดพังงา นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เจลลี่ลูกชกยังมีศักยภาพที่จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นวัตกรรมอื่น ๆ

การพัฒนาอัลจิเนตไฮโดรเจลที่มีคาราจีแนนและเจลแลนกัมเป็นวัสดุคอมโพซิตเพื่อใช้เป็นตัวพาสำหรับนำส่งทางปาก

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

การพัฒนาอัลจิเนตไฮโดรเจลที่มีคาราจีแนนและเจลแลนกัมเป็นวัสดุคอมโพซิตเพื่อใช้เป็นตัวพาสำหรับนำส่งทางปาก

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอัลจิเนตไฮโดรเจลที่เสริมด้วยคาร์ราจีแนนและเจลแลนกัม เพื่อใช้เป็นวัสดุคอมโพซิตสำหรับนำส่งสารสำคัญทางปาก อัลจิเนตเป็นพอลิเมอร์จากสาหร่ายสีน้ำตาลที่สามารถเกิดเจลเมื่อสัมผัสกับไอออนบวก เช่น แคลเซียมไอออน ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างไฮโดรเจล ขณะที่คาร์ราจีแนนและเจลแลนกัมเป็นพอลิแซ็กคาไรด์ที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและความสามารถในการกักเก็บสารสำคัญ การศึกษานี้วิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพ ความแข็งแรงของไฮโดรเจลบีดส์ ความสามารถในการกักเก็บสารสำคัญ รวมถึงพฤติกรรมการบวมภายใต้สภาวะจำลองของทางเดินอาหาร ผลการศึกษาคาดว่าการเสริมคาร์ราจีแนนและเจลแลนกัมจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและเสถียรภาพของไฮโดรเจลบีดส์ พร้อมทั้งควบคุมการปลดปล่อยสารสำคัญในระบบทางเดินอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไฮโดรเจลบีดส์ที่พัฒนาขึ้นนี้มีศักยภาพในการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเภสัชกรรมเพื่อการนำส่งสารสำคัญทางปาก

ต้นทุน ผลตอบแทนการปลูกข้าวโดยใช้สารเคมีและการปลูกข้าวโดยใช้สารชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมีของเกษตรกร ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ

คณะเทคโนโลยีการเกษตร

ต้นทุน ผลตอบแทนการปลูกข้าวโดยใช้สารเคมีและการปลูกข้าวโดยใช้สารชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมีของเกษตรกร ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ

จากการปฏิบัติงานสหกิจศึกษาครั้งนี้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ได้ศึกษาเรื่อง ต้นทุน ผลตอบแทนการปลูกข้าวโดยใช้สารเคมีและการปลูกข้าวโดยใช้สารชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมีของเกษตรกร ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาต้นทุน ผลตอบแทนการปลูกข้าวโดยใช้สารเคมีและการปลูกข้าวโดยใช้ชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมีของเกษตรกร ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ 2) เพื่อศึกษาปัญหาการใช้สารชีวภัณฑ์ในการปลูกข้าวของเกษตรกร ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการผลการศึกษาพบว่าต้นทุนการผลิตข้าวนาปีโดยใช้สารเคมีและสารชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมีปีเพาะปลูก 2567/68 แปลงที่ใช้สารชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมี มีต้นทุนการผลิตรวมทั้งหมด 5,099.50 บาทต่อไร่ ประกอบด้วย ต้นทุนผันแปร 4,432.50 บาทต่อไร่ ต้นทุนคงที่ 667.00 บาทต่อไร่ แปลงที่ใช้สารเคมี มีต้นทุนการผลิตรวมทั้งหมด 5,129.00 บาทต่อไร่ ประกอบด้วย ต้นทุนผันแปร 4,390.00 บาทต่อไร่ ต้นทุนคงที่ 739.00 บาทต่อไร่ ผลต่างของต้นทุนการปลูกข้าวนาปีระหว่างแปลงที่ใช้สารเคมีและแปลงที่ใช้สารชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมีเท่ากับ 114.50 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนการผลิตข้าวนาปี ปีเพาะปลูก 2567/68 ของแปลงที่ใช้สาร ชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมี ประกอบด้วย ปริมาณผลผลิต 1,000.00 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาผลผลิตเฉลี่ย 8,500.00 บาทต่อไร่ เกษตรกรมีรายได้ 8,585.00 บาทต่อไร่ และมีกำไร 3,485.50 บาทต่อไร่ แปลงที่ ใช้สารเคมี ประกอบด้วย ปริมาณผลผลิต 1,000.00 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาผลผลิตเฉลี่ย 8,500.00 บาทต่อไร่ เกษตรกรมีรายได้ 8,500 บาทต่อไร่ และมีกำไร 3,371.00 บาทต่อไร่ ผลต่างของรายได้รวมทั้งหมดในการปลูกข้าวนาปีระหว่างเกษตรกรที่ใช้สารเคมีและเกษตรกรที่ใช้สารชีวภัณฑ์ร่วมกับสารเคมีเท่ากับ 114.50 บาทต่อไร่ ด้านปัญหาในการจัดซื้อ/จัดหาสารชีวภัณฑ์ สารชีวภัณฑ์หาซื้อยากบางพื้นที่มีแหล่งจําหน่ายน้อยหรือไม่มีเลย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สนับสนุนสารชีวภัณฑ์ให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่องมีระดับปัญหามากที่สุด ด้านปัญหาการใช้สารชีวภัณฑ์ เมื่อผสมเชื้อสดกับส่วนผสมแล้วต้องใช้ให้หมดไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ เนื่องจากจะทำให้เสื่อมประสิทธิภาพลงมีระดับปัญหาที่มากที่สุด

มิสคิว

คณะศิลปศาสตร์

มิสคิว

นวัตกรรมนี้ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคิวในร้านอาหาร ทำให้ระบบเป็นระเบียบ ลดเวลารอคอย และรองรับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น