KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

ระบบเว็บอัจฉริยะสำหรับการคัดเลือกพนักงานด้วยปัญญาประดิษฐ์

รายละเอียด

การสรรหาบุคลากรเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตำแหน่งงาน อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้มักเผชิญกับปัญหาด้านการจัดการข้อมูล ความล่าช้า และอคติของมนุษย์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันอัจฉริยะสำหรับการสรรหาพนักงานโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยประเมินและให้คะแนนความเหมาะสมของผู้สมัครกับตำแหน่งงาน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลจากประวัติย่อ (Resume) และกระบวนการจับคู่คุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ระบบที่พัฒนาขึ้นตามหลักการอาไจล์ (Agile ) ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) ในการวิเคราะห์ประวัติย่อ พิจารณาคุณสมบัติ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้สมัคร พร้อมทั้งใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการคาดการณ์และจัดลำดับความเหมาะสม ระบบสามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งให้อยู่ในฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาดจากการป้อนข้อมูล และนำเสนอข้อมูลผ่านแดชบอร์ดเพื่อให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์

กระบวนการสรรหาพนักงานมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน เนื่องจากองค์กรต้องจัดการข้อมูลจากหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์สมัครงาน หน้าเว็บของบริษัท และการแนะนำจากพนักงานภายใน ซึ่งแต่ละช่องทางอาจมีแบบฟอร์มสมัครงานที่แตกต่างกัน ทำให้การรวมรวมข้อมูลผู้สมัครลงในฐานข้อมูลเดียวกันเกิดข้อผิดพลาดและซ้ำซ้อน เนื่องจากการกรอกข้อมูลยังต้องดำเนินการโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลด้วยตนเอง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการวิเคราะห์ข้อมูล และทำให้การพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อีกทั้ง ระบบเดิมที่ใช้ Google Sheets ในการจัดการข้อมูลมีข้อจำกัดในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและขาดประสิทธิภาพในการแสดงผลข้อมูลของผู้สมัคร ส่งผลต่อการตัดสินใจในการคัดเลือกบุคลากรที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน จากปัญหาดังกล่าว คณะผู้วิจัยจึงได้พัฒนาเว็บแอปพลิเคชันอัจฉริยะที่สามารถรวมข้อมูลจากหลายแหล่งให้อยู่ในระบบเดียวกัน ลดความซ้ำซ้อน และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดของมนุษย์ โดยใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์และให้คะแนนความเหมาะสมของผู้สมัครอย่างแม่นยำ พร้อมทั้งพัฒนาแดชบอร์ดที่ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลสามารถดูข้อมูล วิเคราะห์ และตัดสินใจคัดเลือกบุคลากรได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้กระบวนการสรรหาพนักงานมีประสิทธิภาพและลดภาระงานของฝ่ายสรรหาได้อย่างมีนัยสำคัญ

นวัตกรรมอื่น ๆ

การศึกษากระบวนการผลิตและการเก็บรักษาอายุผลิตภัณฑ์ เค้กเนื้อปูจากพืชในสภาวะแช่เย็น (ระดับห้องปฏิบัติการ)

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

การศึกษากระบวนการผลิตและการเก็บรักษาอายุผลิตภัณฑ์ เค้กเนื้อปูจากพืชในสภาวะแช่เย็น (ระดับห้องปฏิบัติการ)

Plant-based หมายถึง อาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากพืชเป็นหลัก สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่อาหารจากพืชทั้งหมดที่ไม่มีการใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย และอาหารที่มีส่วนผสมจากสัตว์ปริมาณน้อย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีนมและไข่ในปริมาณน้อยก็อาจจะถูกเป็นพิจารณาอยู่ในความหมายของ Plant-based ด้วยเช่นกัน ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากพืชที่มีความเหมือนจริงสูงและดึงดูดผู้บริโภคนับเป็นนวัตกรรมที่ค่อนข้างใหม่ แม้ว่า เต้าหู้ เทมเปห์ และเซตัน จะมีมานานแล้ว ในปัจจุบันเพิ่งมีการค้นพบและเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากพืชที่ให้ลักษณะประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ผู้บริโภคแยกความแตกต่างระหว่างเนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์จากพืชได้ยาก ทั้งนี้การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชต้องคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค Textured Vegetable Protein (TVP) คือ โปรตีนเกษตรที่ผลิตจากถั่วเหลืองผ่านการใช้เครื่องเอ็กซ์ทรูดเดอร์ (Extruder) ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ เช่น โปรตีนสูงเพราะทำมาจากถั่วเหลืองที่ผ่านการสกัดไขมันออก, เนื้อสัมผัสของ TVP เมื่อผ่านการผสมน้ำจะมีเนื้อสัมผัสที่คล้ายเนื้อสัตว์, ความหลากหลาย TVP มีรสชาติที่เป็นกลาง จึงสามารถดูดซับรสชาติจากเครื่องปรุงและซอสต่างๆ ได้ง่าย, และเมื่อเทียบกับแหล่งโปรตีนชนิดอื่นๆ TVP มีต้นทุนราคาประหยัดที่ให้คุณลักษณะที่ดี การศึกษาครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การนำ TVP มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เค้กเนื้อปูจากพืช (Plant-based Crab Cake) และทำการศึกษาอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ในภาชนะบรรจุปิดสนิทที่สภาวะแช่เย็น จากนั้นวิเคราะห์ด้านสุขอนามัยและความสะอาดของกระบวนการผลิตว่ามีผลต่อการมีอยู่หรือเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างไร โดยอ้างอิงข้อกำหนดอาหารแช่เย็นของประเทศไทย สุดท้ายจัดทำข้อแนะนำในเรื่องของการทำความสะอาดพื้นที่ปฏิบัติการให้แก่สถานประกอบการเป็นแนวทางการจัดทำข้อมูลขั้นตอนปฏิบัติความปลอดภัยอาหารในห้องปฏิบัติการเบื้องต้น

ระบบตรวจจับและระบุตำแหน่งผลมะม่วงแบบสามมิติ

คณะวิศวกรรมศาสตร์

ระบบตรวจจับและระบุตำแหน่งผลมะม่วงแบบสามมิติ

การประเมินผลผลิตของผลมะม่วง และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความตระหนักถึงที่มาของผลผลิตมากยิ่งขึ้น ต้องการตรวจสอบย้อนกลับถึงที่มาของผลผลิตว่าผลผลิตนั้นๆได้รับการดูแลมาอย่างไรผ่านการระบุตำแหน่งของผลนั้นๆ ความเกี่ยวเนื่องกันถึงลักษะของผลผลิตที่เป็นผลมาจากวิธีการดูแลผลหรือต้นของผลผลิตในขณะที่ยังไม่ถูกเก็บเกี่ยว ดังนั้นเพื่อสร้างแบบจำลองที่สามารถตรวจจับและระบุตำแหน่งของผลมะม่วง โดยใช้ภาพถ่าย 2 มิติ ด้วยวิธีการ Deep Learning Model และเพื่อศึกษาเทคนิคการระบุพิกัดของผลมะม่วงในโลกจริงจากภาพภาพ 2 มิติ มีการใช้โมเดล YOLOv8 เพื่อ Object detection ร่วมกับเทคนิคการสอบเทียบกล้อง (Camera Calibration) และ Triangulation เพื่อหาตำแหน่ง 3 มิติ ของผลมะม่วงในภาพที่ถูกตรวจจับได้ จากการทำการทดลองหาตำแหน่งทั้งหมด 125 ครั้ง ที่มีการสุ่มค่าตำแหน่งของผลมะม่วง และตำแหน่งของกล้องที่มีมุม Yaw และ Pitch ที่แตกต่างกัน โดยการใช้ค่า Parameter จากรูปที่ถ่ายถัดไปมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาตำแหน่งจริง 3 มิติ ที่ได้ผลความถูกต้องที่..... จากการใช้โมเดล YOLOv8 ที่มีค่าทำนาย Precision, Recall, mAP50, mAP50-95 และ F1-Score ได้แก่ 0.928, 0.901, 0.965, 0.785 และ 0.914 ตามลำดับ ซึ่งมีความแม่นยำที่มากพอเพื่อทำนายตำแหน่งของผลมะม่วงที่มีความคลาดเคลื่อนประมาณ 38 เซนติเมตร

การศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของขิง ปลีกล้วย และกระเจี๊ยบในการห่อหุ้มลิโพโซมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและปริมาณสารฟีนอลิก

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

การศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของขิง ปลีกล้วย และกระเจี๊ยบในการห่อหุ้มลิโพโซมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและปริมาณสารฟีนอลิก

ปัจจุบันการบริโภคอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และภาวะเสื่อมของเซลล์ ขิง (Zingiber officinale) ปลีกล้วย (Musa paradisiaca L.) และกระเจี๊ยบ (Hibiscus sabdariffa L.) เป็นพืชสมุนไพรที่มีสารประกอบฟีนอลิกสูง ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม สารสำคัญจากพืชเหล่านี้มักมีข้อจำกัดด้านความคงตัวเมื่อสัมผัสกับแสง อุณหภูมิ และออกซิเจน ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของขิง ปลีกล้วย และกระเจี๊ยบ ในการกักเก็บด้วยลิโพโซม ซึ่งเป็นเทคนิคการห่อหุ้มสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มความคงตัวของสารออกฤทธิ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการนำส่งสารเข้าสู่ร่างกาย การศึกษานี้ดำเนินการโดยวิเคราะห์ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากขิง ปลีกล้วย และกระเจี๊ยบ ด้วยวิธี DPPH, ABTS และ FRAP รวมถึงการวัดปริมาณสารฟีนอลิกรวม (Total Phenolic Content, TPC) จากนั้นเลือกอัตราส่วนที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุดมาทำการห่อหุ้มด้วยลิโพโซม โดยใช้ฟอสโฟลิปิดเป็นองค์ประกอบหลักของโครงสร้างลิโพโซม จากนั้นวิเคราะห์ประสิทธิภาพของลิโพโซมในการกักเก็บสารสำคัญผ่านการคำนวณค่า Encapsulation Efficiency (EE%) เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการห่อหุ้ม ผลการวิจัยคาดว่าจะช่วยระบุอัตราส่วนที่เหมาะสมของขิง ปลีกล้วย และกระเจี๊ยบที่สามารถเพิ่มฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุด และทำให้สารสำคัญมีความคงตัวมากขึ้นเมื่อผ่านกระบวนการห่อหุ้มด้วยลิโพโซม ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพจากสมุนไพรที่สามารถรักษาคุณสมบัติทางชีวภาพของสารสำคัญได้ในระยะยาว