การปฏิบัติกิจกรรมการดำเนินงานของโครงการประกอบด้วยการตรวจเชื้อจุลินทรีย์ในตัวอย่างอาหาร สุขลักษณะมือผู้ปรุง/ผู้สัมผัสอาหาร ภาชนะ และอุปกรณ์ การอบรมให้ความรู้เรื่องสุขาภิบาลอาหารและสุขวิทยาส่วนบุคคล สภาพการสุขาภิบาลอาหารของโรงอาหารและสุขลักษณะร่างกายของผู้ปรุงอาหาร โดยทางหลักสูตรการจัดการความปลอดภัยอาหารร่วมกับสำนักงานบริหารทรัพย์สิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังวางแผนปฏิบัติการประเมินสถานที่จำหน่ายอาหารตามหลักมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร SAN 20 ข้อกำหนด ตรวจการปนเปื้อนเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียในอาหาร ภาชนะอุปกรณ์ มือผู้สัมผัสโดยใช้ชุดตรวจสอบ อ.13 จำนวน 6 ตัวอย่าง เช่น อาหารปรุงสำเร็จ พื้นที่เตรียมหน้าร้าน มือผู้สัมผัสอาหาร นอกจากนี้ยังมีการตรวจการปนเปื้อนเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียในน้ำใช้ น้ำแข็งด้วยชุดตรวจสอบ อ.11 ผลวิเคราะห์ที่ได้ทั้งทางกายภาพ จุลินทรีย์และเคมีเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการผลิตและบริการอาหารของโรงอาหารภายในสถาบัน
อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนโดยทั่วไป การบริโภคอาหารที่ไม่สะอาดเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งจากสถานการณ์การเจ็บป่วยของประชาชนที่เกิดจากโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำเป็นสื่อในปัจจุบัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคในอาหาร โดยปัจจัยที่เกี่ยวข้องอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนในอาหาร ได้แก่ ปัจจัยด้านบุคคล เช่น ผู้สัมผัสอาหาร ผู้เตรียมอาหาร ผู้ปรุง ผู้เสิร์ฟ ผู้จำหน่ายอาหาร ที่มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ปัจจัยด้านวัตถุดิบที่เลือกมาปรุง ได้แก่ อาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด อาหารแห้งต้องไม่ปนเปื้อนสารพิษ และต้องสดใหม่ ไม่หมดอายุ หรือเน่าเสีย ปัจจัยด้านสถานที่ได้แก่ บริเวณที่เตรียม ปรุง ประกอบ จำหน่ายอาหารต้องเป็นไปตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และสุดท้ายคือปัจจัยด้านภาชนะ อุปกรณ์ที่นำมาใช้สัมผัสอาหาร ได้แก่ จาน ชาม ช้อน ส้อม ตะเกียบ ต้องสะอาดและปลอดภัย และเป็นไปตามเกณฑ์/ตัวชี้วัดของกรมอนามัย ซึ่งโรงอาหารในสถานศึกษา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นสถานที่ที่มีประชาชนเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งนักศึกษา อาจารย์ ผู้ที่ทำงานในหน่วยงาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้มาติดต่อ เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องปรุงประกอบอาหารเอง ซึ่งถ้าหากผู้ประกอบการให้บริการอาหารต่างๆ ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการสุขาภิบาลอาหาร ผู้ที่บริโภคก็จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด ปลอดภัย ทางหลักสูตรการจัดการความปลอดภัยอาหารจึงร่วมมือกับสำนักงานบริหารทรัพย์สิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการผลิตและบริการอาหารในโรงอาหารด้วยการประเมินสุขาภิบาลอาหารตามหลัก SAN พร้อมทั้งอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหารให้มีความตระหนักเข้าใจในการจัดการโรงอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด และปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค

คณะวิทยาศาสตร์
โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเว็ปแอปพลิเคชันสำหรับการเบิกจ่ายเครื่องมือ เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการใช้งานโปรแกรม Excel ซึ่งไฟล์ตัวแรกนั้นคัดลอกมาจาก SQL ที่มีอยู่แล้ว และคัดลอกต่อๆกันมา ส่งผลให้ต้องใช้พื้นจำนวนมากและไฟล์ Excel นั้นไม่สามารถเปิดใช้งานพร้อมกันได้ จึงต้องพัฒนาเว็ปแอปพลิเคชันเพื่อเชื่อม SQL โดยตรงเพื่อลดปัญหาที่เกิดจะการใช้ไฟล์ Excel

คณะอุตสาหกรรมอาหาร
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไส้อั่วจากพืชโดยใช้ขนุนอ่อนเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อเป็นทางเลือกแทนเนื้อสัตว์ โดยศึกษาการพัฒนาสูตร การเปลี่ยนแปลงทางเคมีกายภาพระหว่างการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ ขนุนอ่อนมีคุณสมบัติเด่นด้านเส้นใยที่คล้ายเนื้อสัตว์และสามารถดูดซับกลิ่นและรสชาติของเครื่องเทศได้ดี ผลการศึกษาพบว่า ขนุนอ่อนที่ผ่านการต้มที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที มีเส้นใยใกล้เคียงกับเนื้อไก่ปรุงสุกมากที่สุด นอกจากนี้ การศึกษาการเปลี่ยนแปลงระหว่างการเก็บรักษา ในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน พบว่า สีและค่า Water Activity (Aw) มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในขณะที่ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ลดลง และค่า Thiobarbituric Acid Reactive Substances (T-BARS) เพิ่มขึ้น ด้านเนื้อสัมผัส พบว่าค่าความเหนียวเพิ่มขึ้นและค่าความยืดหยุ่นลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับสูตรควบคุม ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าขนุนอ่อนเป็นวัตถุดิบที่เหมาะสมสำหรับการผลิตไส้อั่วจากพืช และสามารถใช้เป็นทางเลือกทดแทนผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปได้

คณะวิทยาศาสตร์
งานวิจัยนี้ เสนอการสร้างอุปกรณ์ต้นแบบ "มิเตอร์ตรวจปรอทแบบพกพา" (Handheld Mercury Meter) โดยใช้ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าชนิดไวต่อไอออนเป็นแพลตฟอร์มในการตรวจวัดตามหลักการโพเทนชิโอเมตรี ได้สังเคราะห์เยื่อเลือกผ่านที่มีความจำเพาะเจาะจงกับปรอท (II) พบว่ามิเตอร์ที่พัฒนาขึ้น ตอบสนองต่อปรอทได้ดี มีความแม่นและความเที่ยงสูง (ค่าร้อยละของการวิเคราะห์คืนกลับอยู่ในช่วง 92.55 – 109.32 และค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์เท่ากับ 2.38) เมื่อนำไปประยุกต์ใช้กับตัวอย่างน้ำและเครื่องสำอางที่มีการเติมสารมาตรฐานปรอทลงไป พบว่าผลการวิเคราะห์ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 เมื่อเปรียบเทียบกับการวิเคราะห์ด้วยวิธีเชิงเครื่องมือ (ICP-OES) ซึ่งเป็นเครื่องขนาดใหญ่ นำไปใช้กับงานภาคสนามไม่ได้