แผ่นเจลแปะหน้าผากสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อบรรเทาอาการเครียดและปวดศีรษะ ซึ่งมักเกิดจากการทำงานหนัก การใช้ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ หรือสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยมีส่วนประกอบหลักเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ใบสะระแหน่ ใบสะเดา ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ และสมุนไพรอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงปลอดภัยต่อการใช้งาน ช่วยให้ผิวรู้สึกเย็นสบาย ผ่อนคลาย สดชื่น และใช้งานได้ง่าย สะดวกในการพกพาและสามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์
ที่มา จากการศึกษาคุณสมบัติของสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์ในการบรรเทาอาการต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดความร้อนและการบรรเทาอาการปวดหัว สมุนไพรบางชนิด เช่น ตะไคร้, มะกรูด, และใบสะระแหน่ มีคุณสมบัติในการเย็นและลดอาการปวดได้ดี ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะดวกและใช้งานง่ายในรูปแบบของแผ่นเจลแปะหน้าผาก ที่สามารถแปะบนหน้าผากเพื่อช่วยลดอาการไม่สบายต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ความสำคัญ การตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบายและปลอดภัยในการบรรเทาอาการต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งพายาหรือวิธีการรักษาที่ซับซ้อน แผ่นเจลแปะหน้าผากที่ใช้สมุนไพรจากธรรมชาติช่วยให้ผู้ใช้สามารถบรรเทาอาการปวดหัวหรือไข้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้สารเคมีหรือยาที่มีสารเสพติด
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
โครงงานนี้นำเสนอการสร้างเครื่องมือวัดค่าความหนาแน่นอิเล็กตรอนรวมด้วย GPS แบบความถี่เดียว โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับจำนวนอิเล็กตรอนรวมในชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์และเครื่องมือวัดค่าอิเล็กตรอนรวมด้วย ค่าเวลาหน่วงของ GPS มาทำการออกแบบเครื่องมือวัดค่าความหนาแน่นอิเล็กตรอนรวมด้วย GPS แบบความถี่เดียว โดยประกอบด้วยสายอากาศ เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม GPS แบบความถี่เดียว หน่วยประเมินผลข้อมูลและคำนวณจำนวนอิเล็กตรอนรวม และหน่วยแสดงผลข้อมูลค่าอิเล็กตรอนรวม ทดสอบการทำงานของเครื่องวัดอิเล็กตรอนรวมด้วย GPS แบบความถี่เดียว โดยการเปรียบเทียบกับข้อมูลค่าอิเล็กตรอนรวมที่ได้จากโมเดล IRI (International Reference Ionosphere) ซึ่งเป็นโมเดลอิเล็กตรอนอ้างอิงของโลก และนำเครื่องวัดอิเล็กตรอนรวมด้วย GPS แบบความถี่เดียวไปใช้งานจริง ผลของการเปรียบเทียบและใช้งานจริง สรุปได้ว่าเครื่องมือวัดค่าอิเล็กตรอนรวมด้วย GPS แบบความถี่เดียว สามารถใช้งานได้จริงและมีค่าความแตกต่างกับ โมเดล IRI อยู่ที่ 50 TECU
วิทยาลัยวิศวกรรมสังคีต
โครงการนี้มุ่งสำรวจศักยภาพของการบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) ในสภาพแวดล้อมเสียงสามมิติ โดยมุ่งเน้นผลกระทบของการกำหนดตำแหน่งเสียงบีท (Beat) ในมิติซ้าย-ขวา (L-R) ในตำแหน่งต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยี Dolby Atmos เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่สมจริง งานวิจัยนี้มีเป้าหมายเพื่อศึกษาว่าการจัดตำแหน่งเสียงบีท (Beat) ในมิติต่าง ๆ ในการบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) จะมีผลอย่างไรต่อจิตใจและอารมณ์ ไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) เป็นรูปแบบหนึ่งของการเหนี่ยวนำคลื่นสมอง (Auditory Brainwave Entrainment) ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมองได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีการศึกษาเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีที่เทคโนโลยีเสียงสามมิติ งานวิจัยนี้จะตรวจสอบว่าการกำหนดตำแหน่งเสียงบีท (Beat) ในมิติซ้าย-ขวาที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมเสียงสามมิติจะส่งผลอย่างไรต่อการรับรู้และผลลัพธ์ในการบำบัด ผู้เข้าร่วมจะได้รับประสบการณ์การบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) ในตำแหน่งซ้าย-ขวาต่าง ๆ ของบีท (Beat) โดยจะมีการวัดผลด้านสรีรวิทยา เช่น ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ และการประเมินระดับความผ่อนคลายตามการรายงานของผู้เข้าร่วม ผลการวิจัยคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมเสียงสามมิติกับการบำบัดด้วยเสียง ซึ่งอาจช่วยพัฒนาการบำบัดด้วยเสียงให้ดียิ่งขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีเสียงขั้นสูง
คณะวิศวกรรมศาสตร์
เซอร์คิวเรี่ยนสะเฟียร์ (SecurionSphere) เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเรียนรู้การทดสอบเจาะระบบที่เน้นไปที่การโจมตีช่องโหว่บนเว็บแอปพลิเคชัน (Web Exploitation) แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่พบในแพลตฟอร์มการทดสอบเจาะระบบอื่นๆ เช่น การแบ่งปันทรัพยากรที่อาจส่งผลกระทบกับผู้ใช้งานคนอื่น และการมีสภาพแวดล้อมที่เหมือนกันเสมอ ทำให้สามารถคัดลอกคำตอบจากผู้อื่นได้ โดยผู้ดูแลการสอน (Supervisor) สามารถใช้เทมเพลตสำหรับโจทย์รูปแบบต่างๆ ของรูปแบบการโจมตีช่องโหว่ของเว็บแอปพลิเคชั่น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกทำโจทย์ที่สร้างจากผู้ดูแลที่เลือกเทมเพลตไว้ และแพลตฟอร์มยังมีการสุ่มสภาพแวดล้อมในการทำโจทย์ ทำให้สภาพแวดล้อมและคำตอบของโจทย์มีความหลากหลายและแตกต่างกัน ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการกระทบทรัพยากรของผู้อื่น