KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

อีโคแมงโก้แพ็ค: บรรจุภัณฑ์มะม่วงรักษ์โลก

อีโคแมงโก้แพ็ค: บรรจุภัณฑ์มะม่วงรักษ์โลก

รายละเอียด

โครงการ "อีโคแมงโก้แพ็ค: บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน" มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับมะม่วงน้ำดอกไม้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผลไม้ อายุการเก็บรักษา และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วัสดุที่เลือกใช้ประกอบด้วยตัวกล่องที่ทำจากไม้กาบมะพร้าว นอกจากนี้ โครงการยังได้นำก้านผักตบชวาอบแห้งมาประยุกต์ใช้เป็นวัสดุรองรับภายในบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มความสามารถในการกันกระแทก ตลอดจนการนำกากกาแฟอบแห้งใส่ในบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุของผลมะม่วง ทั้งนี้ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ยังคำนึงถึงการใช้งานของเกษตรกรรายย่อย โดยพัฒนาให้สามารถผลิตได้ในระดับวิสาหกิจชุมชนและลดต้นทุนการผลิต โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทย สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และส่งเสริมการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

วัตถุประสงค์

มะม่วงน้ำดอกไม้เป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทยที่มีมูลค่าการส่งออกสูง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลไม้และมาตรฐานบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่พบในกระบวนการขนส่งและจำหน่ายมะม่วง ได้แก่ ความเสียหายจากแรงกระแทก การเน่าเสียก่อนถึงมือผู้บริโภค และการปนเปื้อนจากแมลงหรือสารเคมี ทำให้เกิดการสูญเสียผลผลิตและลดโอกาสในการแข่งขันของเกษตรกรไทยในตลาดโลก ปัจจุบัน แนวโน้มของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์มุ่งเน้นไปที่การใช้ วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly Packaging) ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการลดการใช้พลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ โครงงาน "อีโคแมงโก้แพ็ค: บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน" จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ มีความแข็งแรง ป้องกันแรงกระแทก ลดการปนเปื้อนจากแมลง และช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ โครงงานนี้นำเสนอการใช้ กระดาษลูกฟูกกันกระแทกและเศษยางพารา ซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในประเทศไทย และสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุรองรับภายในบรรจุภัณฑ์เพื่อลดแรงกระแทก นอกจากนี้ ยังออกแบบให้เกษตรกรสามารถผลิตและใช้งานได้จริงในระดับ วิสาหกิจชุมชน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์มะม่วงน้ำดอกไม้ของไทย โครงการนี้ไม่เพียงช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เกษตร แต่ยังช่วยส่งเสริมการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะพลาสติก และสนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในภาคการเกษตรของประเทศ ความสำคัญของโครงงาน 1. ช่วยลดการสูญเสียผลผลิตจากการขนส่งและจำหน่าย โดยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันการช้ำและการเสียหายของมะม่วงน้ำดอกไม้ 2. ส่งเสริมการใช้วัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกและสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน 3. เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์เกษตรไทย โดยช่วยให้มะม่วงน้ำดอกไม้สามารถรักษาคุณภาพได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลก 4. สนับสนุนเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน โดยออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถผลิตได้เอง ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โครงงานนี้จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อการเกษตรของไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นวัตกรรมอื่น ๆ

การศึกษาคุณสมบัติทางเคมีเเละกายภาพของเบอร์เกอร์เนื้อเทียมจากถั่วลูกไก่เเละเบอร์เกอร์เนื้อเทียมแบบผสมเนื้อหมูด้วยวิธีการปรุงสุกเเบบซูวีด

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

การศึกษาคุณสมบัติทางเคมีเเละกายภาพของเบอร์เกอร์เนื้อเทียมจากถั่วลูกไก่เเละเบอร์เกอร์เนื้อเทียมแบบผสมเนื้อหมูด้วยวิธีการปรุงสุกเเบบซูวีด

ปัจจุบันการบริโภคผลิตภัณฑ์จากพืชได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมอาหารจึงมีการพัฒนาเนื้อเทียมที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของเบอร์เกอร์เนื้อเทียมจากถั่วลูกไก่และเบอร์เกอร์แบบผสมเนื้อหมู โดยใช้กระบวนการปรุงสุกแบบซูวีด ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยรักษาคุณภาพของอาหาร ทั้งในด้านเนื้อสัมผัส ความชุ่มชื้น และคุณค่าทางโภชนาการ ในการทดลอง ได้ทำการศึกษาคุณสมบัติต่างๆ ของเบอร์เกอร์ทั้งสองประเภท โดยวิเคราะห์การสูญเสียน้ำระหว่างการปรุง (Cooking loss) ความสามารถในการอุ้มน้ำ (Water holding capacity) ค่าแรงตัดเฉือน (Shear force) ค่า pH และการวิเคราะห์สี นอกจากนี้ยังมีการทดสอบทางประสาทสัมผัส โดยให้กลุ่มผู้บริโภคประเมินด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม ผลการศึกษาจะนำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการซูวีดที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเบอร์เกอร์จากพืชและแบบผสม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาทางเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ผลการศึกษานี้ยังสามารถเป็นแนวทางสำหรับอุตสาหกรรมอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยลดการใช้เนื้อสัตว์ลง ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืนในภาคการผลิตอาหาร การวิจัยนี้จึงมีความสำคัญทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์อาหารและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดอาหารแห่งอนาคต

ออกแบบวงจรสำหรับการควบคุมเครื่องผลิตไฮโดรเจนโดยใช้แหล่งจ่ายจากเซลล์โฟโตโวลเทอิก

คณะวิศวกรรมศาสตร์

ออกแบบวงจรสำหรับการควบคุมเครื่องผลิตไฮโดรเจนโดยใช้แหล่งจ่ายจากเซลล์โฟโตโวลเทอิก

งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนา ระบบแปลงพลังงานไฟฟ้า เพื่อควบคุมการจ่ายพลังงานจาก โซล่าร์เซลล (PV) ไปยัง เครื่องผลิตไฮโดรเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ตามแนวทาง RE100 โดยเฉพาะไฮโดรเจนสีเขียว ที่ได้จากกระบวนการอิเล็กโทรไลซิสน้ำโดยใช้พลังงานสะอาดจากโซล่าร์เซลล์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษ โครงสร้างของระบบที่นำเสนอในงานวิจัยนี้ประกอบด้วย อินเวอร์เตอร์ NPC แบบ 3 ระดับ (Three-Level NPC Inverter), หม้อแปลง, วงจรเรียงกระแสแบบเต็มลูกคลื่น และวงจรกรองความถี่ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้กับเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ การออกแบบและจำลองระบบดำเนินการโดยใช้ MATLAB และ Simulink เพื่อประเมินประสิทธิภาพของวงจรและวิเคราะห์ผลลัพธ์ นอกจากนี้ ยังใช้ระบบควบคุม ไมโครคอนโทรลเลอร์ร่วมกับวงจรขับเกต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส โดยช่วยลดการสูญเสียพลังงาน และการออกแบบนี้สามารถแปลงพลังงาน PV ไปเป็นแรงดันและกระแสที่เหมาะสมสำหรับเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ โดยยังคงรักษาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตไฮโดรเจนไว้

การทดสอบและการวิเคราะห์ระบบสายเคเบิลใต้ดิน

คณะวิศวกรรมศาสตร์

การทดสอบและการวิเคราะห์ระบบสายเคเบิลใต้ดิน

เนื่องจากระบบเมืองสมัยใหม่ มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูงมากกว่าในอดีต ทำให้มีการนำระบบการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าด้วยสายเคเบิลใต้ดินมาใช้งานกันอย่างแพร่หลายแทนที่การส่งพลังงานไฟฟ้าด้วยสายส่งเหนือหัว อย่างไรก็ตามการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าด้วยสายเคเบิลใต้ดินยังมีปัญหาในการใช้งานอยู่หลายประการเช่น การลงทุนที่สูงกว่าการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าเหนือหัวอยู่หลายเท่า การใช้เวลาแก้ไขเป็นระยะเวลานานเมื่อเกิดความล้มเหลวของระบบส่งจ่าย ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาที่จำกัด ความสามารถในการรับภาระเพิ่มเติมเป็นต้น โครงการวิจัยนี้ออกแบบมาเพื่อศึกษาปัญหาของสายเคเบิลใต้ดินระบบ 22 kV XLPE โดยอาศัยเทคนิค การวิเคราะห์กระแสโพลาไรซ์และกระแสดีโพลาไรซ์ซึ่งเป็นเทคนิคการวิเคราะห์ฉนวนสมัยใหม่