ชุดดับไฟป่า มีส่วนประกอบและการใช้งาน ดังนี้ออกแบบพัฒนาชุดดับไฟป่าให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่และสภาพพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งประกอบด้วย เสื้อ และกางเกงวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บชุดเป็นผ้าอรามิด ที่มีคุณสมบัติสามารถกันไฟลามได้ เพื่อป้องกันไฟคลอกเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่กรณีไฟป่าลามมาประชิดตัว ต่างจากชุดที่สวมใส่ในปัจจุบันที่ไม่สามารถช่วยกันไฟได้ ตัวเสื้อออกแบบให้ด้านข้างลำตัวมีตะข่ายระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนภายในให้อากาศสามารถท่ายเทได้ดี แขนเสื้อบริเวณข้อศอกมีจุด Support เพื่อป้องกันการสัมผัสกับพื้นหรือสัมผัสสิ่งกีดขวางปกคอเสื้อมีช่องสำหรับใส่พัดลมพกพา และมีช่องหมุนเวียนอากาศของพัดลมอยู่ด้านหลัง ซึ่งพัดลมสามารถเปิดใช้งานขณะปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าได้ ช่วยให้อุณหภูมิภายในร่างกายไม่ร้อนจนเกินไป ลดความเสี่ยงต่อการเกิด ฮีทสโตรก เมื่อพัดลมแบตหมดสามารถถอดนำออกมาชาร์จและใส่กลับเข้าไปเมื่อต้องการใช้งานกางเกงออกแบบให้ด้านข้างบริเวณด้านในหรือจุดอับมีตะข่ายระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนภายในให้อากาศสามารถท่ายเทได้ดี กางเกงบริเวณหัวเข่ามีจุด Support เพื่อป้องกันการสัมผัสกับพื้นหรือสัมผัสสิ่งกีดขวาง ชุดดับไฟป่า ประกอบด้วย เสื้อ และ กางเกง ได้ออกแบบและพัฒนาให้สามารถผลิตได้ภายในประเทศ ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
ปัญหาไฟป่าที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบในหลายๆด้านโดยเฉพาะผู้ที่พักอาศัยบริเวณใกล้ไฟป่าต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดจากฝุ่น PM2.5 ประกอบกับทางภาครัฐยังขาดแคลนบุคลากรเจ้าหน้าที่ ที่มีความชำนาญในการดับไฟป่า รวมถึงยังขาดชุดดับไฟป่าที่เป็นชุดสามารถกันไฟได้เหมาะสมต่อการดับไฟ เนื่องจากในปัจจุบันชุดที่เจ้าหน้าที่อุทยาน และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดับไฟป่า สวมใส่ในการปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นชุดลายพลาง กางเกงกับเสื้อแบบทั่วไป ไม่สามารถปกป้อง หรือกันไฟเมื่อไฟมาถึงระยะประชิดตัวได้ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งสาเหตุนี้ส่งผลให้เจ้าหน้าที่บางรายได้รับอันตรายถึงขั้นไฟคลอกได้ ผู้วิจัยจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการออกแบบและพัฒนาชุดดับไฟป่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่อุทยาน และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดับไฟป่า สามารถสวมใส่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดอุปสรรคในการดับไฟป่าและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
คณะวิทยาศาสตร์
งานวิจัยนี้ เสนอการสร้างอุปกรณ์ต้นแบบ "มิเตอร์ตรวจปรอทแบบพกพา" (Handheld Mercury Meter) โดยใช้ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าชนิดไวต่อไอออนเป็นแพลตฟอร์มในการตรวจวัดตามหลักการโพเทนชิโอเมตรี ได้สังเคราะห์เยื่อเลือกผ่านที่มีความจำเพาะเจาะจงกับปรอท (II) พบว่ามิเตอร์ที่พัฒนาขึ้น ตอบสนองต่อปรอทได้ดี มีความแม่นและความเที่ยงสูง (ค่าร้อยละของการวิเคราะห์คืนกลับอยู่ในช่วง 92.55 – 109.32 และค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์เท่ากับ 2.38) เมื่อนำไปประยุกต์ใช้กับตัวอย่างน้ำและเครื่องสำอางที่มีการเติมสารมาตรฐานปรอทลงไป พบว่าผลการวิเคราะห์ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 เมื่อเปรียบเทียบกับการวิเคราะห์ด้วยวิธีเชิงเครื่องมือ (ICP-OES) ซึ่งเป็นเครื่องขนาดใหญ่ นำไปใช้กับงานภาคสนามไม่ได้
คณะวิศวกรรมศาสตร์
ถังบรรจุก๊าซความดันสูงที่ผลิตจากวัสดุประกอบ ได้แก่ คาร์บอนไฟเบอร์ เรซิน และพลาสติก ถูกออกแบบสำหรับบรรจุก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) หรือไฮโดรเจน ซึ่งถูกเรียกว่าถังความดันสูง แบบที่4 โดยในงานวิจัยนี้ได้ออกแบบให้รองรับการใช้งานที่ความดัน 250 บาร์ สำหรับการขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด
คณะเทคโนโลยีการเกษตร
การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจนและโพแทสเซียมร่วมกับจำนวนชั่วโมงในการให้แสงต่อการเจริญเติบโตของต้นวิโอลา (Viola) ภายใต้โรงงานผลิตพืช เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิต ลดระยะเวลา และเพิ่มรอบการผลิตให้เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยวางแผนการทดลองแบบ 3x3 Factorial in CRD มี 9 กรรมวิธี กรรมวิธีละ 3 ซ้ำๆ ละ 6 ต้น ซึ่งปัจจัยที่ใช้ศึกษามีอยู่ 2 ชนิด คือ ปัจจัยที่ 1 ความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจน (N) ร่วมกับโพแทสเซียม (K) ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน 3 ระดับ ดังนี้ 1) N:K 1:1, 2) N:K 1:2 และ 3) N:K 2:1 ปัจจัยที่ 2 จำนวนชั่วโมงในการให้แสงต่อวันที่แตกต่างกัน 3 กรรมวิธี ดังนี้ 1) จำนวนชั่วโมงในการให้แสง 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง 2) จำนวนชั่วโมงในการให้แสงช่วง Vegetative 8 ชั่วโมงพัก 16 ชั่วโมง จากนั้นช่วงกระตุ้นตาดอกเพิ่มแสงเป็น 13 ชั่วโมง พัก 11 ชั่วโมง หลังจากเกิดตาดอก จะให้แสง 8 ชั่วโมง พัก 16 ชั่วโมง และ 3) จำนวนชั่วโมงในการให้แสง 5 ชั่วโมงพัก 3 ชั่วโมง โดยทุกกรรมวิธีปรับอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ค่า EC 1.5-2.0 mS/cm และ ค่า pH 5.8-6.5 ผลการทดลอง พบว่า การให้ระดับความเข้มข้นของปุ๋ย N:K ในอัตราส่วน 1:1 ร่วมกับแสง 24 ชั่วโมง ทำให้การเจริญเติบโตทางลำต้นและมีคุณภาพดอกมากที่สุด รวมทั้งการประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสโดยภาพรวมอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ เหมาะแก่การนำไปประกอบอาหารหรือตกแต่งจาน ซึ่งกรรมวิธีนี้ทำให้สามารถเพิ่มคุณภาพของผลผลิตได้ดีที่สุด สามารถลดระยะเวลาในการผลิตดอกวิโอลาในแต่ละรอบจาก 90-100 วัน ลดลงเหลือ 43-45 วัน และเพิ่มรอบการผลิตให้เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาล หรือสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งดีต่อเกษตรกรผู้ผลิต