KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

การพัฒนาระบบอัตโนมัติเพื่อการเพาะเลี้ยงปลากัดอย่างแม่นยำ

การพัฒนาระบบอัตโนมัติเพื่อการเพาะเลี้ยงปลากัดอย่างแม่นยำ

รายละเอียด

ปลากัด (Betta splendens) เป็นปลาสวยงามที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจที่มีการส่งออกมากเป็นอันดับที่ 1 ของปลาสวยงามของประเทศ แต่มีข้อจำกัดในการเพิ่มกำลังผลิตปลากัด เนื่องจากการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ และการขาดแคลนแรงงานคนไทย งานวิจัยนี้ต้องการพัฒนา 2 ระบบ คือ ระบบอนุบาลลูกปลากัดและระบบเลี้ยงปลากัดขนาดตลาดโดยการใช้ระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติอย่างแม่นยำเพื่อควบคุมคุณภาพน้ำในระบบและลดการใช้แรงงาน การพัฒนาต้นแบบระบบอนุบาลลูกปลากัดและระบบเลี้ยงปลากัดขนาดตลาด โดยใช้ระบบอัตโนมัติอย่างแม่นยำมี 2 ระบบ ได้แก่ ระบบนำของเสียบางส่วนที่เกิดจากการเลี้ยงไปใช้ประโยชน์ (minimal-waste) และระบบบำบัดน้ำทั้งหมดที่เกิดจากการเลี้ยงกลับมาใช้ใหม่ (zero-waste) เพื่อแก้ปัญหาทั้งด้านคุณภาพน้ำ สวัสดิภาพสัตว์ และแรงงานที่ใช้ในการเลี้ยงปลากัด จากงานทดลองพบว่า ทำให้ปลากัดมีอัตรารอดที่ดีกว่าระบบดั้งเดิมร้อยละ 10-15 เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนสุทธิ ระบบ zero waste เป็นระบบที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด

วัตถุประสงค์

ในการเพาะเลี้ยงปลากัดประกอบด้วย ระบบอนุบาลลูกปลากัด เป็นการเลี้ยงลูกปลากัดในบ่อปูนซีเมนต์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 60-80 เซนติเมตร มีการเพิ่มระดับน้ำแทนการเปลี่ยนถ่ายน้ำสัปดาห์ละ 5-10 เซนติเมตรจากระดับน้ำเดิม และการเลี้ยงปลาขนาดตลาด เป็นการเลี้ยงปลากัดในขวดแบนเรียงต่อกันจำนวนมากบนพื้นคอนกรีต มีการให้อาหารหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำโดยใช้แรงงานคน 1 คนต่อการเลี้ยงปลากัด 10,000 – 40,000 ตัว ดังนั้นระบบอนุบาลและการเลี้ยงปลากัดขนาดตลาดแบบพัฒนาใหม่โดยใช้เทคโนโลยีในการควบคุมคุณภาพน้ำ การให้อาหารและการเปลี่ยนถ่ายน้ำด้วยระบบอัตโนมัติ จะช่วยแก้ปัญหาอัตราการตายของปลา การใช้แรงงาน และยังสามารถเพิ่มอัตราการรอดของลูกปลากัดได้อีกด้วย

นวัตกรรมอื่น ๆ

ซอสมะม่วงมหาชนก

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

ซอสมะม่วงมหาชนก

ซอสมะม่วงมหาชนกพัฒนาจากมะม่วงตกเกรดจากบ้านหนองบัวชุม จ.กาฬสินธุ์ ใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์การอาหารเพื่อลดของเสียทางการเกษตรและปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซอสนี้เสริมใยอาหารพรีไบโอติก ช่วยส่งเสริมจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ มีน้ำตาลต่ำ ดีต่อสุขภาพ ปราศจากการแต่งสีและกลิ่น เหมาะกับอาหารหลากหลายประเภททั้งคาวเเละหวาน

การพัฒนาวัสดุเส้นใยนาโนคาร์บอนคอมโพสิทเป็นตัวเก็บประจุยิ่งยวดสำหรับกักเก็บพลังงาน

วิทยาลัยการจัดการนวัตกรรมและอุตสาหกรรม

การพัฒนาวัสดุเส้นใยนาโนคาร์บอนคอมโพสิทเป็นตัวเก็บประจุยิ่งยวดสำหรับกักเก็บพลังงาน

งานวิจัยนี้นำเสนอการพัฒนาเส้นใยนาโนคาร์บอนที่มีโครงสร้างหลายเฟสผสมออกไซด์ของโลหะ (CNF@MOx; M = Ag, Mn, Bi, Fe) โดยฝังอนุภาคนาโนของเงิน แมงกานีส บิสมัท และเหล็ก ลงในเส้นใยนาโนคาร์บอนที่ได้จากพอลิอะคริโลไนไตรล์ (PAN) ผ่านเทคนิคอิเล็กโทรสปินนิ่งและผ่านการอบชุบในบรรยากาศอาร์กอน ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าเส้นใยนาโนที่ได้มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย 559-830 นาโนเมตร และมีอนุภาคนาโนฝังตัวขนาด 9-21 นาโนเมตร การวิเคราะห์เชิงโครงสร้างยืนยันการมีอยู่ของสถานะออกซิเดชันต่างๆ ของโลหะออกไซด์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกลไกการเก็บประจุไฟฟ้า ผลการทดสอบทางไฟฟ้าเคมีพบว่า CNF@Ag/Mn/Bi/Fe-20 มีค่าความจุจำเพาะสูงสุดที่ 156 F g⁻¹ ที่อัตราการสแกน 2 mV s⁻¹ และมีเสถียรภาพสูง โดยยังคงค่าความจุได้มากกว่า 96% หลังจากการชาร์จ-คายประจุ 1400 รอบ กลไกการเก็บประจุของเส้นใยนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างความสามารถในการเก็บประจุแบบชั้นคู่ไฟฟ้าและกระบวนการรีดอกซ์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัสดุอิเล็กโทรดสำหรับตัวเก็บประจุยิ่งยวด

นิยมไทย

คณะศิลปศาสตร์

นิยมไทย

นิยมไทย ขอนำเสนอรองเท้าเพื่อสุขภาพลวดลายไทยกับแนวคิดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมให้มีความยั่งยืน ร่วมสมัยแก่คนในท้องถิ่น ตัวรองเท้ามาพร้อมวัสดุธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย และผสานเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย อาทิเช่น การระบุพิกัดผ่านแอพพลิเคชั่นและสามารถจับชีพจรได้ ตอบโจทย์ให้กับการท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพที่สะดวกสบายในชีวิตประจำวัน