KMITL Innovation Expo 2025 Logo

การประยุกต์ใช้แชทบอทปัญญาประดิษฐ์และแนวคิดลีนในการลดเวลาการรอคอยของลูกค้าและบริษัทคู่สัญญา เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ

การประยุกต์ใช้แชทบอทปัญญาประดิษฐ์และแนวคิดลีนในการลดเวลาการรอคอยของลูกค้าและบริษัทคู่สัญญา เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ

รายละเอียด

โครงงานสหกิจฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้า โดยเน้นการปรับปรุงตามแนวคิดแบบลีนและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในกรณีศึกษาของบริษัท เน็กซเตอร์ ดิจิตอล แอนด์ โซลูชั่น จํากัด ซึ่งผู้วิจัยมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานและสร้างมาตรฐานการทำงาน รวมถึงนำเทคโนโลยีบอท เข้ามาแก้ไขในกระบวนการทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาลดลงและสามารถสร้างมาตรฐานการทำงานใหม่ให้กับทางบริษัทได้ งานวิจัยฉบับนี้ได้เสนอแนวคิดที่สำคัญในการหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา, การลดขั้นตอนของกระบวนการที่มีความซ้ำซ้อน, การนำวิธีแนวคิดลีน (Lean) มาปรับใช้, การประยุกต์เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการ เป็นต้น อนึ่ง ในงานวิจัยนี้สามารถแยกปัญหาหลักที่แก้ไขได้ 2 ปัญหาหลัก โดยปัญหาแรกคือการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา ผลการวิจัย พบว่า สามารถลดเวลาการแก้ไขปัญหาจากค่าเฉลี่ย 5 วัน เหลือ 3 วัน นั่นคือสามารถลดได้ 38% และ ในปัญหาหลักที่สองคือการแก้ไขปัญหาให้ทาง Vendor ผลการวิจัย พบว่า สามารถลดเวลาการตอบกลับการแก้ไขปัญหาจากค่าเฉลี่ย 20 นาที เหลือ 0.3 นาที คิดเป็น 98.5% จากผลการทดลองของทั้งสองปัญหาหลักไม่เพียงช่วยยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้า แต่ยังสร้างมาตรฐานในการตอบสนองและแก้ไขปัญหาภายในองค์กรให้มีระยะเวลาที่ลดลง

วัตถุประสงค์

ในยุคที่เทคโนโลยีและการแข่งขันทางธุรกิจพัฒนาอย่างรวดเร็ว คุณภาพการบริการเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน โดยผู้วิจัยได้เล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับคุณภาพการบริการเพื่อตอบสนองลูกค้าของทางบริษัท เน็กซเตอร์ ดิจิตอล แอนด์ โซลูชั่น จำกัด โดยประยุกต์ใช้แนวคิด Lean เพื่อลดความสูญเสียในกระบวนการทำงาน พร้อมกับนำเทคโนโลยีบอทเข้ามาช่วยเสริมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งช่วยลดเวลาการจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI และระบบอัตโนมัติ ยังช่วยให้การทำงานมีความรวดเร็วและแม่นยำ ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ อีกทั้งยังช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น จากการศึกษา พบว่าบริษัทยังขาดกระบวนการทำงานที่ชัดเจน มีเวลาเฉลี่ยในการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างนาน และพนักงานมีภาระงานที่มากเกินไป การปรับปรุงกระบวนการทำงานจึงเน้นการสร้างผังขั้นตอนที่ชัดเจน ลดเวลาการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสม และปรับภาระงานของพนักงานให้เหมาะสม เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

นวัตกรรมอื่น ๆ

บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัย

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัย

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัย สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี สาขาการออกแบบสภาพแวดล้อมภายใน ภาควิชาครุศาสตร์สถาปัตยกรรมและการออกแบบ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จำนวน 20 คน ปีการศึกษา 2567 เพื่อเป็นสื่อสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเองและเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เรียนมากยิ่งขึ้น โดยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ จะมีเนื้อหาการเรียนรู้ เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัย แบบฝึกทักษะการเรียนรู้และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อีกทั้งยังมีการโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับบทเรียนได้ด้วยตนเอง เพื่อทำให้ผู้เรียนมีความสนใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น โดยมีสมมุติฐานการวิจัยว่า บทเรียนนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชา การออกแบบสภาพแวดล้อมภายใน 1 เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัย มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 ไม่ต่ำกว่า 80/80 เนื่องจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัยเน้นการพัฒนาทางด้านความรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชา การออกแบบสภาพแวดล้อมภายใน 1 เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการวิจัย พบว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์ วิชา การออกแบบสภาพแวดล้อมภายใน 1 เรื่อง การออกแบบห้องครัวภายในบ้านพักอาศัย มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 71.50/89.00 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนของผู้เรียนสูงกว่าก่อนเรียน

การศึกษาสารสกัดจากสาหร่ายขนาดเล็ก Chlorella sp. KLSc61  เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของ Lactobacillus plantarum JCM 1149

คณะวิทยาศาสตร์

การศึกษาสารสกัดจากสาหร่ายขนาดเล็ก Chlorella sp. KLSc61 เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของ Lactobacillus plantarum JCM 1149

สาหร่ายขนาดเล็กอุดมไปด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ สารเหล่านี้อาจมีผลช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของโพรไบโอติกที่จำเป็นต้องอาศัยสารอาหารที่เหมาะสม หรือที่เรียกว่าพรีไบโอติก งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดหยาบจากสารภายในเซลล์ของสาหร่ายขนาดเล็ก Chlorella sp. KLSc61 ต่อการส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์โพรไบโอติก Lactiplantibacillus plantarum JCM1149 ภายใต้สภาวะระบบย่อยอาหารจำลอง โดยทำการสกัดสารจากภายในเซลล์สาหร่าย ด้วยเอทานอลเข้มข้น 70% (v/v) เพื่อเตรียมสารสกัดสำหรับการทดสอบผลต่อการเจริญของโพรไบโอติกแบคทีเรีย จากนั้นนำสารสกัดจากสาหร่าย ที่ความเข้มข้น 0.1%, 0.75% และ 1.5% มาทดสอบการเจริญเติบโตของโพรไบโอติกแบคทีเรีย Lactiplantibacillus plantarum JCM1149 โดยวัดการเจริญของโพรไบโอติกแบคทีเรีย ด้วยวิธีการดรอปเพลท ผลการศึกษานี้จะช่วยให้เข้าใจถึงศักยภาพของสารสกัดจาก Chlorella sp. KLSc61 ในการส่งเสริมการเจริญของโพรไบโอติก ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีคุณสมบัติเป็นซินไบโอติก (Synbiotic) ที่มีทั้งโพรไบโอติกและพรีไบโอติกในอนาคต อีกทั้งยังสามารถเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการศึกษาต่อยอดเกี่ยวกับบทบาทของสารสกัดจากสาหร่ายต่อสุขภาพระบบทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน

การเลือกที่ตั้งศูนย์กระจายสินค้าประเภทเครื่องดื่มโดยใช้ตัวแบบคณิตศาสตร์โดยพิจารณาต้นทุนโลจิสติกส์การขนส่ง

คณะวิทยาศาสตร์

การเลือกที่ตั้งศูนย์กระจายสินค้าประเภทเครื่องดื่มโดยใช้ตัวแบบคณิตศาสตร์โดยพิจารณาต้นทุนโลจิสติกส์การขนส่ง

งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อเลือกทำเลที่ตั้งศูนย์กระจายสินค้าประเภทเครื่องดื่มของบริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ที่มีต้นทุนรวมของการขนส่งสินค้าต่ำที่สุด โดยอาศัยตัวแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ โดยพิจารณาอำเภอเมืองของทั้ง 76 จังหวัด ไม่รวมจังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งที่เป็นที่ตั้งของโรงงาน ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการแบ่งสถานการณ์ออกเป็น 4 สถานการณ์ ได้แก่ 1) เมื่อกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้เพียงหนึ่งแห่ง 2) เมื่อกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้มากกว่าหนึ่งแห่ง 3) เมื่อแบ่งเป็น 4 ภูมิภาค โดยกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้เพียงหนึ่งแห่งในหนึ่งภูมิภาค และ 4) เมื่อแบ่งเป็น 4 ภูมิภาค โดยกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้มากกว่าหนึ่งแห่งในหนึ่งภูมิภาค เมื่อประมวลผลด้วยโปรแกรม IBM ILOG CPLEX Optimization Studio ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ที่ 1 เมื่อกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้เพียงหนึ่งแห่ง มีต้นทุนการขนส่งรวม 786,107.75 บาท/เดือน สถานการณ์ที่ 2 เมื่อกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้มากกว่าหนึ่งแห่ง มีต้นทุนการขนส่งรวม 252,338.98 บาท/เดือน สถานการณ์ที่ 3 เมื่อแบ่งเป็น 4 ภูมิภาค โดยกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้เพียงหนึ่งแห่งในหนึ่งภูมิภาค มีต้นทุนการขนส่งรวม 401,499.61 บาท/เดือน สถานการณ์ที่ 4 เมื่อแบ่งเป็น 4 ภูมิภาค โดยกำหนดให้มีศูนย์กระจายสินค้าได้มากกว่าหนึ่งแห่งในแต่ละภูมิภาค มีต้นทุนการขนส่งรวม 258,666.22 บาท/เดือน