KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

การคัดเลือกพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ทนต่อดินเค็ม

การคัดเลือกพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ทนต่อดินเค็ม

รายละเอียด

ข้าวเป็นพืชที่อ่อนแอต่อดินเค็ม วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้คือ เพื่อศึกษาผลของความเค็มในระยะออกดอกที่มีต่อลักษณะทางสรีรวิทยา และการให้ผลผลิตของข้าวพื้นเมือง วางแผนการทดลองแบบ 4*10 Factorial in RCBD จำนวน 4 ซ้ำ ปัจจัย A คือ ระดับความเค็ม 4 ระดับได้แก่ control , 6, 12 และ 16 dS/m ปัจจัย B คือพันธุ์ข้าวจำนวน 10 สายพันธุ์ เก็บข้อมูลลักษณะทางสรีรวิทยาแลผลผลิต ผลการศึกษาพบว่า ระดับความเค็มที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลง โดยผลผลิตจะลดลงมากที่สุดเมื่อข้าวได้รับเกลือที่ระดับ 16 dS/m นอกจากนี้พบว่า สายพันธุ์ข้าวมีการให้ผลผลิตที่แตกต่าง ในการศึกษาครั้งนี้พบว่า ข้าวพันธุ์หอมใหญ่มีอัตราการลดลงของผลผลิตต่ำที่สุดเมื่อปลูกในระดับความเค็ที่ 16 dS/m และไม่แตกต่างกับพันธุ์ทนเค็มมาตรฐาน

วัตถุประสงค์

การผลิตข้าวในประเทศไทยยังคงประสบปัญหาเกี่ยวกับสภาพพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ซึ่งทำให้ผลผลิตของข้าวลดลง เช่น ปัญหาดินเค็ม โดยดินเค็มคือดินที่มีปริมาณเกลือที่ละลายน้ำได้ดีอยู่ในสารละลายดินสูงมากจนมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและการสร้างผลผลิตของพืช อีกทั้งในปัจจุบัน สภาวะโลกร้อนมีความรุนแรงมากขึ้น และมีผลต่อเนื่องทำให้ความเครียดจากความเค็มมีความรุนแรงมากขึ้นด้วย การใช้ข้าวสายพันธุ์ที่มีความทนเค็มเป็นอีกวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้จึงสนใจศึกษาความเครียดเค็มในระยะออกดอกของข้าวที่ต่อเนื่องไปจนถึงระยะเก็บเกี่ยว โดยทำการศึกษาในพันธุ์ข้าวพื้นเมือง 6 พันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกแล้วว่าทนต่อความเค็มในระยะกล้าเปรียบเทียบกับข้าวพันธุ์ทนเค็มมาตรฐาน Pokkali และพันธุ์การค้า KDML105 ซึ่งผลจากการวิจัยที่ได้ในครั้งนี้สามารถนำไปเป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้มีความสามารถในการทนต่อสภาวะเครียดที่เกิดจากดินเค็ม และเป็นการคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่มีศักยภาพในการทนเค็ม ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในพื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาจากสภาวะดินเค็มต่อไป

นวัตกรรมอื่น ๆ

ยาดมหอมเย็น

คณะศิลปศาสตร์

ยาดมหอมเย็น

นวัตรกรรมยาดมหอมเย็น มีแนวคิดมาจากที่ผู้คนในปัจจุบันมีการใช้ยาดมแพร่หลายอย่างมาก ดังนั้นในการทำนวัตรกรรมครั้งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับยุคสมัย ประยุกต์ความเป็นไทยให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ พัฒนากลิ่นจากวัตถุดิบท้องถิ่นไทย เพิ่มมูลค่าให้ดอกไม้และผลไม้ไทย โดยมีการสกัดดอกไม้และผลไม้โดยวิธีการต่างๆ เพื่อคงรักษากลิ่นให้คงอยู่นานมากขึ้น และนำพิมเสน การบูร เมนทอลเข้ามาผสมเพื่อให้ได้ความสดชื่นและมีความเย็น สำหรับบรรจุภัณฑ์ ผลิตขึ้นจากดินโพลิเมอร์ ปั้นขึ้นรูปและนำไปเข้าเตาอบเพื่อให้เกิดการแข็งตัว และมีผ้าปิดแทนการใช้ฝา เผื่อให้มีความแปลกใหม่แทนการใช้ผลิตภัณฑ์ยาดมแบบเดิมๆ

การพัฒนาวัสดุเส้นใยนาโนคาร์บอนคอมโพสิทเป็นตัวเก็บประจุยิ่งยวดสำหรับกักเก็บพลังงาน

วิทยาลัยการจัดการนวัตกรรมและอุตสาหกรรม

การพัฒนาวัสดุเส้นใยนาโนคาร์บอนคอมโพสิทเป็นตัวเก็บประจุยิ่งยวดสำหรับกักเก็บพลังงาน

งานวิจัยนี้นำเสนอการพัฒนาเส้นใยนาโนคาร์บอนที่มีโครงสร้างหลายเฟสผสมออกไซด์ของโลหะ (CNF@MOx; M = Ag, Mn, Bi, Fe) โดยฝังอนุภาคนาโนของเงิน แมงกานีส บิสมัท และเหล็ก ลงในเส้นใยนาโนคาร์บอนที่ได้จากพอลิอะคริโลไนไตรล์ (PAN) ผ่านเทคนิคอิเล็กโทรสปินนิ่งและผ่านการอบชุบในบรรยากาศอาร์กอน ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าเส้นใยนาโนที่ได้มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย 559-830 นาโนเมตร และมีอนุภาคนาโนฝังตัวขนาด 9-21 นาโนเมตร การวิเคราะห์เชิงโครงสร้างยืนยันการมีอยู่ของสถานะออกซิเดชันต่างๆ ของโลหะออกไซด์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกลไกการเก็บประจุไฟฟ้า ผลการทดสอบทางไฟฟ้าเคมีพบว่า CNF@Ag/Mn/Bi/Fe-20 มีค่าความจุจำเพาะสูงสุดที่ 156 F g⁻¹ ที่อัตราการสแกน 2 mV s⁻¹ และมีเสถียรภาพสูง โดยยังคงค่าความจุได้มากกว่า 96% หลังจากการชาร์จ-คายประจุ 1400 รอบ กลไกการเก็บประจุของเส้นใยนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างความสามารถในการเก็บประจุแบบชั้นคู่ไฟฟ้าและกระบวนการรีดอกซ์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัสดุอิเล็กโทรดสำหรับตัวเก็บประจุยิ่งยวด

การบำบัดด้วยภูมิทัศน์เสียงสามมิติ: สำรวจตำแหน่งซ้าย-ขวาของบีทในการบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท

วิทยาลัยวิศวกรรมสังคีต

การบำบัดด้วยภูมิทัศน์เสียงสามมิติ: สำรวจตำแหน่งซ้าย-ขวาของบีทในการบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท

โครงการนี้มุ่งสำรวจศักยภาพของการบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) ในสภาพแวดล้อมเสียงสามมิติ โดยมุ่งเน้นผลกระทบของการกำหนดตำแหน่งเสียงบีท (Beat) ในมิติซ้าย-ขวา (L-R) ในตำแหน่งต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยี Dolby Atmos เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่สมจริง งานวิจัยนี้มีเป้าหมายเพื่อศึกษาว่าการจัดตำแหน่งเสียงบีท (Beat) ในมิติต่าง ๆ ในการบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) จะมีผลอย่างไรต่อจิตใจและอารมณ์ ไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) เป็นรูปแบบหนึ่งของการเหนี่ยวนำคลื่นสมอง (Auditory Brainwave Entrainment) ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมองได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีการศึกษาเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีที่เทคโนโลยีเสียงสามมิติ งานวิจัยนี้จะตรวจสอบว่าการกำหนดตำแหน่งเสียงบีท (Beat) ในมิติซ้าย-ขวาที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมเสียงสามมิติจะส่งผลอย่างไรต่อการรับรู้และผลลัพธ์ในการบำบัด ผู้เข้าร่วมจะได้รับประสบการณ์การบำบัดด้วยไบนัวรอลบีท (Binaural Beats) ในตำแหน่งซ้าย-ขวาต่าง ๆ ของบีท (Beat) โดยจะมีการวัดผลด้านสรีรวิทยา เช่น ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ และการประเมินระดับความผ่อนคลายตามการรายงานของผู้เข้าร่วม ผลการวิจัยคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมเสียงสามมิติกับการบำบัดด้วยเสียง ซึ่งอาจช่วยพัฒนาการบำบัดด้วยเสียงให้ดียิ่งขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีเสียงขั้นสูง