งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขั้นตอนการจัดการของเสียจากม้า กระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า และความคิดเห็นต่อการใช้นวัตกรรมปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสานระหว่างเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ปุ๋ยอินทรีย์ดังกล่าวผลิตจากของเสียจากม้า ซึ่งเป็นของเสียที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัด มาผ่านกระบวนการหมักจนกลายเป็นปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีธาตุอาหารที่จะเป็นต่อพืช จากผลการตรวจวิเคราะห์ปุ๋ยอินทรีย์ จากห้องปฏิบัติการปฐพีวิทยา คณะเทคโนโลยีเกษตร สถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่า ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้านั้น มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุ สะท้อนถึงศักยภาพในการกำจัดของเสียจากม้า กระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า ประสิทธิภาพของปุ๋ยอินทรีย์ และแนวทางเพิ่มคุณค่าเพื่อการขยายผลทางการตลาดเชิงพาณิชย์
ปัจจุบันกีฬาขี่ม้าในประเทศไทยได้รับความนิยม และเกิดฟาร์มเลี้ยงม้าในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาการจัดการของเสียจากม้า โดยม้าแต่ละตัวผลิตมูลเฉลี่ย 18-23 กิโลกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 ตันต่อเดือน หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กลิ่นเหม็น การแพร่กระจายของเชื้อโรค และข้อร้องเรียนจากชุมชนโดยรอบ เจ้าของฟาร์มต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดมูลม้า แนวทางหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาคือการนำของเสียจากม้ามาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยลดของเสียและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาคุณภาพปุ๋ยอินทรีย์ สามารถนำสารเร่งหมักมาใช้เพื่อลดระยะเวลาการหมัก และเสริมแหนแดงเพื่อเพิ่มปริมาณไนโตรเจนในปุ๋ย ซึ่งช่วยให้ได้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์ สร้างรายได้ให้กับเจ้าของฟาร์มและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คณะอุตสาหกรรมอาหาร
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเทคนิคการห่อหุ้มร่วม (Co-encapsulation) ของวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นภายในลิโปโซม เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพการกักเก็บของสารสำคัญ รวมถึงศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและการปลดปล่อยในสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร โดยทำการเตรียมลิโปโซมด้วยวิธี High-Speed Homogenization Method และวิเคราะห์คุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ขนาดอนุภาค ศักย์ไฟฟ้า การกักเก็บสารสำคัญ และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระผ่าน DPPH, ABTS และ FRAP assay ผลการศึกษาพบว่าการห่อหุ้มร่วมสามารถเพิ่มความเสถียรของวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการห่อหุ้มเดี่ยว โดยมีค่าประสิทธิภาพการกักเก็บสูง และสามารถรักษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดี นอกจากนี้ ลิโปโซมที่เตรียมขึ้นยังแสดงประสิทธิภาพการปลดปล่อยที่เหมาะสมในสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคนิค Co-encapsulation ในการเพิ่มประสิทธิภาพของสารอาหารเชิงหน้าที่ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพได้
คณะเทคโนโลยีการเกษตร
การพัฒนาสวนทุเรียนให้มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากทั้งภาคเกษตรกรและนักวิชาการ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและความต้องการของตลาด Durian Web-based Learning Hub เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเกษตรกร โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ได้อย่างสะดวกและต่อเนื่อง แพลตฟอร์มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนวัตกรรมการบริหารจัดการข้อมูลการผลิตและการตลาดเพื่อยกระดับคุณภาพผลผลิตทุเรียนเข้าสู่ตลาดพรีเมี่ยม ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
คณะอุตสาหกรรมอาหาร
ผลิตภัณฑ์ "ไพรวารี" คือเครื่องดื่มเจลลี่สมุนไพรที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักและส่งเสริมสุขภาพด้วยคุณค่าจากสมุนไพรไทย 4 ชนิด ได้แก่ กระเจี๊ยบแดง ดอกคำฝอย เก๊กฮวย และมะระขี้นก ซึ่งอุดมด้วยสารสำคัญ เช่น Flavonoid, Beta-Carotene และ Anthocyanin ที่ช่วยลดไขมันในเลือด ป้องกันการอักเสบ และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ผลิตภัณฑ์นี้เน้นความสะดวกและตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย เช่น Inverse และ External Gelation เพื่อสร้างเม็ดสเฟียร์ที่กักเก็บสารสำคัญ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังคำนึงถึงความยั่งยืนและการเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทยในชุมชน