การรักษาผู้ป่วยมะเร็งในแผนกเคมีบำบัดของโรงพยาบาลมะเร็งชลบุรีมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและไม่สะดวก เนื่องจากกระบวนการส่งผลตรวจเลือดผ่านแอปพลิเคชันไลน์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ทำให้การดำเนินงานขาดความคล่องตัว ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการและติดตามผู้ป่วยมะเร็งในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชัน (web-based application) และแอปพลิเคชันไลน์ LINE LIFF (LINE Front-end Framework) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทั้งบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ระบบเว็บแอปพลิเคชันออกแบบมาเพื่อใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์ในการติดตาม นัดหมาย และเก็บข้อมูลผู้ป่วย ส่วนแอปพลิเคชันไลน์ ออกแบบสำหรับผู้ป่วยในการส่งผลตรวจเลือด ดูตารางนัดหมาย บันทึกอาการหลังรับยาเคมีบำบัด บันทึกค่าน้ำหนักของผู้ป่วยทุกสัปดาห์ และแชทบอทสำหรับให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วย ระบบนี้พัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยีไคลเอนต์-เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลและสนับสนุนการวางแผนการรักษาอย่างอัตโนมัติ ส่งผลให้กระบวนการรักษาผู้ป่วยมะเร็งมีความรวดเร็ว ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในแต่ละปีคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกปี การรักษาโรคก็มีหลากหลายวิธีขึ้นกับระยะและอาการของโรค เช่น การรักษาด้วยการผ่าตัด การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยการฉายรังสี เป็นต้น โดยขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยมะเร็งของแผนกเคมีบำบัดของโรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี มีขั้นตอนดังนี้ พยาบาลทำการแนะนำให้ผู้ป่วยทำการตรวจเลือดจากโรงพยาบาลใกล้บ้านผู้ป่วย จากนั้นให้ส่งผลตรวจมาทางช่องทางไลน์แอพพลิเคชันส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาล หรือพยาบาล หลังจากนั้นแพทย์จะดำเนินการทำการวินิจฉัยก่อนเข้าการรักษาตามแผนการรักษา ซึ่งแผนการรักษา แพทย์และเภสัชกรได้ทำการแจ้งให้ผู้ป่วยทราบล่วงหน้าเรียบร้อย รวมทั้งสูตรยาเคมีบำบัด ระยะเวลาการรักษาและการปฏิบัติ กับผู้ป่วยมะเร็ง จากขั้นตอนดังกล่าวส่งผลให้การรักษาของทางโรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี เกิดความไม่คล่องตัว จากประเด็นดังต่อไปนี้ ประการแรกข้อมูลผลเลือดมักจะไม่ถูกบันทึกลงฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ประการที่สองการนัดหมายทำเคมีบำบัดมีความคลาดเคลื่อนกับผู้ป่วยที่ต้องการเลื่อนนัดหรือผลเลือดไม่ผ่าน จากการวินิจฉัยของแพทย์ ประการที่สามการบันทึกผลการรักษาไม่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบยากต่อการวินิจฉัยถึงผลการรักษาของผู้ป่วย จากปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การวิจัยและพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเกิดได้อย่างล่าช้า ผู้วิจัยจึงทำการพัฒนาโปรแกรมสำหรับบริหารจัดการผู้ป่วยมะเร็งและติดตามผู้ป่วยมะเร็ง โดยพัฒนาในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชัน (web-based application) และแอปพลิเคชันภายในแพลตฟอร์มไลน์ LINE LIFF (LINE Front-end Framework) สำหรับผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วย โดยระบบถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก กล่าวคือ ระบบเว็บแอปพลิเคชัน ถูกใช้งานโดยบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อติดตาม นัดหมาย และทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเของผู้ป่วยที่เข้ารักษาของแผนกเคมีบำบัด โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี ส่วนระบบโมบายแอปพลิเคชัน สำหรับผู้ป่วยเพื่อทำส่งผลการตรวจเลือดให้กับแพทย์ แสดงตารางการนัดหมายเพื่อทำการรักษาของแผนกเคมีบำบัด และการบันทึกอาการระหว่างและหลังการรับเคมีบำบัด
คณะวิทยาศาสตร์
งานวิจัยนี้ได้นำเสนอการวิเคราะห์เชิงสี (Colorimetric detection) สำหรับตรวจวัดกรดแทนนิก (tannic acid) ในตัวอย่างเครื่องดื่มจากพืช โดยอาศัยปรากฏการณ์การแทนที่ (displacement phenomenon) ของสารรักษาเสถียรภาพบนพื้นผิวของอนุภาคแพลทินัมนาโน (PtNPs) ที่ถูกรักษาเสถียรภาพด้วยกรดแกลลิก (gallic acid) ซึ่งกรดแกลลิกสามารถรักษาเสถียรภาพของ PtNPs ให้อยู่ในรูปของอนุภาคที่รวมตัวกันและให้สารคอลลอยด์ที่เป็นสีเขียว โดยกรดแทนนิกสามารถแทนที่กรดแกลลิกบนพื้นผิวของ PtNPs ได้ง่าย ส่งผลให้อนุภาคที่รวมตัวกันเกิดการกระจายตัวและเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นส้ม−น้ำตาล และภายใต้สภาวะที่เหมาะสม ตัวตรวจวัดเชิงสีแสดงค่าการตอบสนองเชิงเส้นในช่วงความเข้มข้น 1−2,000 µmol L⁻¹ (R² = 0.9991) โดยมีขีดจำกัดในการตรวจวัด (LOD) และขีดจำกัดเชิงปริมาณ (LOQ) ที่ 0.02 และ 0.09 µmol L⁻¹ ตามลำดับ ตัวตรวจวัดเชิงสีที่พัฒนาขึ้นมีความจำเพาะสูงต่อกรดแทนนิกและไม่ถูกรบกวนจากสารอื่น อีกทั้งยังมีค่าความแม่นยำที่ดี (RSD = 1.00%−3.36%) ที่สำคัญคือ ให้ค่าการคืนกลับ (recovery) อยู่ในช่วง 95.0−104.7% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเซนเซอร์คัลเลอริเมตริกที่สามารถตรวจวัดกรดแทนนิกได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในตัวอย่างเครื่องดื่มจริง แม้ว่าวิธีการตรวจวัดกรดแทนนิกที่ถูกพัฒนาขึ้นจะเป็นเทคนิคที่รวดเร็วในการตรวจวัดกรดแทนนิก แต่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับความไว (sensitivity) และความแม่นยำ (accuracy) ของการวิเคราะห์ โดยเฉพาะเมื่อมีสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) รบกวน ดังนั้น จึงพัฒนาวิธีเตรียมตัวอย่างเพื่อย่อยสลายแอนโทไซยานินในเครื่องดื่มเพื่อลดการรบกวนของสารที่มีสีต่อการตรวจวัดเชิงสีสำหรับวิเคราะห์ปริมาณกรดแทนนิกในเครื่องดื่ม
คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ
สถานการณ์ในปัจจุบันและความไม่แน่นอน นำมาสู่แนวคิดความมั่นคงทางอาหาร การนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อให้เกิดการให้ผลผลิตที่มากในพื้นที่จำกัด โดยปรับปรุงอาคารเก่าในพื้นที่เมืองที่ไม่ถูกใช้งานมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับการปลูกพืช จัดทำเป็นพื้นที่เรียนรู้การปลูกพืชในเมือง นำเสนอวิธีการปลูกพืชแบบต่างๆ รวบรวมเป็นนวัตกรรมการปลูกพืชกว่า 35 รายการ สำหรับเผยแพร่ความรู้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร พึ่งพาตนเอง การอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน
วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
โครงงานนี้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบติดตามงานสำหรับสมาชิกในทีม โดยใช้ภาษา Python ในการดึงข้อมูลจากไฟล์ Excel และนำเข้าสู่ฐานข้อมูล SQL Server เพื่อจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ ระบบนี้มีฟังก์ชันการแจ้งเตือนสถานะงานผ่าน LINE และแสดงผลรายงานผ่าน Power BI เพื่อให้หัวหน้างานสามารถติดตามความคืบหน้าและประเมินผลงานของสมาชิกในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ระบบยังช่วยส่งเสริมทักษะการบริหารจัดการงานและเวลาให้กับสมาชิกในทีมอีกด้วย