Ginbanirose มีเป้าหมายในการพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน โดยใช้วัตถุดิบหลัก ได้แก่ กระเจี๊ยบแดง หัวปลี และขิง ซึ่งมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบรรเทาอาการปวด สารสกัดถูกปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีเอนแคปซูเลชันแบบลิโพโซม เพื่อเพิ่มการดูดซึมและความเสถียร กระบวนการผลิตประกอบด้วยการสกัดสารจากสมุนไพร การทำแห้งแบบฟรีซดราย และการเตรียมฟอร์มูเลชันลิโพโซม ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าสารสกัดมีสารประกอบฟีโนลิกและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง โดย Ginbanirose สามารถตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของผู้หญิงและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในตลาดสมุนไพรที่กำลังเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากพืชสมุนไพรซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพและความงาม Ginbanirose เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เกิดจากการผสานคุณสมบัติของพืชสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพ เช่น กระเจี๊ยบแดง ขิง และปลีกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การศึกษาคุณสมบัติของพืชเหล่านี้และพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพรไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดสุขภาพและความงาม การใช้เทคนิค Liposome Encapsulation เพื่อเพิ่มความคงตัวและประสิทธิภาพของสารสำคัญจากพืช เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้สามารถพัฒนา Ginbanirose ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและสามารถแข่งขันในตลาดได้ ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงมีความสำคัญในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรไทย พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบธรรมชาติ เพื่อรองรับแนวโน้มของตลาดที่มุ่งสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
คณะวิทยาศาสตร์
-
คณะวิศวกรรมศาสตร์
ปัจจุบันแบตเตอรี่ลิเทียมถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้การประมาณสถานะสุขภาพ (State of Health: SOH) ของแบตเตอรี่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากสามารถช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัย เช่น ความร้อนสูงเกินหรือการระเบิด โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของแบตเตอรี่ ตลอดจนพัฒนาเทคนิคการประมาณสถานะสุขภาพโดยใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการประเมิน การทดลองได้ทำการเก็บข้อมูลการประจุและคายประจุของแบตเตอรี่ลิเทียมจำนวน 3 เซลล์ ภายใต้อุณหภูมิที่ควบคุม และใช้กระแสคงที่ในการชาร์จและคายประจุไฟฟ้า พร้อมทั้งบันทึกค่ากระแส แรงดัน และเวลา จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหาค่าความจุของแบตเตอรี่ในแต่ละรอบการใช้งาน และใช้เป็นข้อมูลฝึกสอนโครงข่ายประสาทเทียม ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยให้สามารถคาดการณ์สถานะสุขภาพของแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลจากโครงงานนี้สามารถนำไปพัฒนาระบบจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System) เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทั้งยังเป็นแนวทางในการนำเทคนิคปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
คณะวิทยาศาสตร์
การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ LoRa ในการเกษตร