KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

ผลของระดับความเค็มที่แตกต่างกันต่ออัตรารอดและการเจริญเติบโตของหอยเชอรี่สีทอง (Pomacea canaliculata) เพื่อการพัฒนาการเลี้ยงในระบบน้ำกร่อย

รายละเอียด

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของระดับความเค็มที่แตกต่างกันต่ออัตรารอดและการเจริญเติบโตของหอยเชอรี่สีทอง (Pomacea canaliculata) โดยทำการทดลองเลี้ยงในระบบน้ำที่มีระดับความเค็ม 0, 5, 10 และ 15 พีพีที แต่ละชุดการทดลองมี 4 ซ้ำ ใช้ระยะเวลาทดลอง 8 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่าหอยเชอรี่สีทองที่เลี้ยงในน้ำที่มีความเค็ม 5-10 พีพีที มีอัตรารอดและการเจริญเติบโตไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่เลี้ยงในน้ำจืด (0 พีพีที) ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองในระบบน้ำกร่อยและการเลี้ยงแบบผสมผสานร่วมกับสัตว์น้ำกร่อยชนิดอื่น

วัตถุประสงค์

หอยเชอรี่สีทอง (Pomacea canaliculata) เป็นสัตว์น้ำจืดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากมีลักษณะเด่นด้านสีสันที่สวยงาม การเจริญเติบโตที่รวดเร็ว และมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงหอยชนิดนี้ในน้ำจืดอาจประสบปัญหาด้านคุณภาพเนื้อและรสชาติที่ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร รวมถึงความเสี่ยงจากการติดเชื้อปรสิตในแหล่งน้ำจืด การพัฒนาระบบการเลี้ยงในน้ำกร่อยอาจเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ เนื่องจากความเค็มของน้ำมีผลต่อคุณภาพเนื้อและรสชาติของสัตว์น้ำ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากปรสิตน้ำจืด นอกจากนี้ การศึกษาความสามารถในการปรับตัวของหอยเชอรี่สีทองต่อความเค็มยังเปิดโอกาสในการพัฒนาระบบการเลี้ยงแบบผสมผสานร่วมกับสัตว์น้ำกร่อยชนิดอื่น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบัน ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลของความเค็มต่อการเจริญเติบโตและอัตรารอดของหอยเชอรี่สีทอง การวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นศึกษาความเป็นไปได้ในการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองในน้ำกร่อยที่ระดับความเค็มต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาระบบการเลี้ยงรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน อันจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าผลผลิตและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในอนาคต

นวัตกรรมอื่น ๆ

เครื่องตรวจสอบท่าเต้นบัลเลต์แบบพกพา (Posé Ballet V2.0)

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

เครื่องตรวจสอบท่าเต้นบัลเลต์แบบพกพา (Posé Ballet V2.0)

การจะเต้นบัลเลต์ได้ดีจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบร่างกายที่ชัดเจน ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและแรงบันดาลใจสำหรับนักเรียนหรือนักเต้นชาวไทย ผู้วิจัยจึงสร้างอุปกรณ์นี้ขึ้นมาเพื่อให้นักเต้นและบุคคลทั่วไปสามารถเรียนรู้และตรวจสอบพัฒนาการในการเต้นของตัวเอง โดยเทียบเคียงกับนักบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนแบบ Face-to-face กับนักบัลเลต์ท่านนั้นโดยตรง เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงตัวเองให้มีความสามารถสูงขึ้นตามจุดประสงค์ของแต่ละคน โดยเครื่องนี้สามารถพกพาได้สะดวก เพียงแค่ต่ออุปกรณ์กับจอภาพแล้วเปิดเครื่องก็สามารถใช้งานได้ทันที

การพัฒนาวัสดุปูพื้นระบายน้ำได้จากตะกรันเหลือทิ้ง

วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง

การพัฒนาวัสดุปูพื้นระบายน้ำได้จากตะกรันเหลือทิ้ง

งานวิจัยเรื่องการพัฒนาวัสดุปูพื้นระบายน้ำได้จากตะกรันเหลือทิ้ง มีวัตถุประสงค์ในการนำตะกรันเหลือทิ้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมและช่วยลดปัญหาน้ำท่วมน้ำขังหรือแอ่งน้ำได้ โดยปัจจุบันตะกรันที่เหลือจากการถลุงเหล็กหรือหลอมเหล็กมักถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของวัสดุก่อสร้าง เช่น ผิวทางถนน อย่างไรก็ตาม ตะกรันเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ทำให้น้ำซึมผ่านได้ยาก ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมและการระบายน้ำไม่ดี โครงการวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาการปรับปรุงคุณสมบัติของวัสดุปูพื้นให้มีความแข็งแรงและสามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น โดยการปรับโครงสร้างทางกายภาพหรือการเติมสารเคมี เช่น HPMC เพื่อช่วยเพิ่มช่องว่างในการซึมน้ำและระบายน้ำได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ การใช้ตะกรันเหลือทิ้งไม่เพียงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประโยชน์ในการใช้งาน แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นปลาจากปลาหมอคางดำ

วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นปลาจากปลาหมอคางดำ

เนื่องจากมีการระบาดของปลาหมอคางดำ ทำให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรวมของธรรมชาติ เพราะปลาหมอคางดำมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ปลาหมอคางดำมีจำนวนประชากรมากเกินไป ทำให้มีการแย่งชิงของอาหารและที่อยู่อาศัยของปลาพื้นถิ่น อีกทั้งพฤติกรรมการกินที่หลากหลายของปลาหมอคางดำอาจส่งผลให้เกิดการลดลงของสัตว์น้ำขนาดเล็กหรือพืชน้ำที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศอีกด้วย