Aggregatibacter actinomycetemcomitans เป็นเชื้อก่อโรคหลักของโรคปริทันต์ โดยสามารถทำลายเอ็นยึดปริทันต์และกระดูกเบ้าฟันผ่านการสร้างไบโอฟิล์ม D-LL-31 ซึ่งเป็นเปปไทด์ต้านจุลชีพที่ถูกดัดแปลงทางวิศวกรรม แสดงศักยภาพที่สูงในการกำจัดเชื้อที่ฝังตัวในไบโอฟิล์มได้ดีกว่าวิธีรักษาแบบดั้งเดิม ขณะที่ DNase I ช่วยเสริมประสิทธิภาพโดยการสลายเมทริกซ์ของไบโอฟิล์ม โดยวัตถุประสงศ์ของงานวิจัยนี้ต้องศึกษาผลของ D-LL-31 ร่วมกับ DNase I ต่อไบโอฟิล์มของ A. actinomycetemcomitans ผลการทอลองพบว่า D-LL-31 สามารถกำจัดไบโอฟิล์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อใช้ร่วมกับ DNase I จะช่วยเพิ่มการทำลายไบโอฟิล์มได้มากขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์เยื่อบุเหงือก ดังนั้นการใช้ D-LL-31 ร่วมกับ DNase I มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นน้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยรักษาสุขภาพช่องปากและลดความเสี่ยงของโรคปริทันต์
โรคปริทันต์เป็นปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบบ่อย โดยมี Aggregatibacter actinomycetemcomitans (Aa) เป็นหนึ่งในเชื้อก่อโรคสำคัญ เชื้อชนิดนี้สามารถสร้างไบโอฟิล์ม ซึ่งเป็นกลไกหลักที่ช่วยให้เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทั่วไปไม่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาแนวทางใหม่ในการกำจัดไบโอฟิล์มจึงเป็นสิ่งจำเป็น งานวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาประสิทธิภาพของ D-LL-31 ซึ่งเป็นเปปไทด์ต้านจุลชีพที่ถูกแปลงทางวิศวกรรม เพื่อทำลายเชื้อที่อยู่ในไบโอฟิล์ม และการใช้ DNase I เพื่อสลายโครงสร้างเมทริกซ์ของไบโอฟิล์มร่วมกัน ซึ่งอาจเป็นแนวทางใหม่ในการพัฒนา น้ำยาบ้วนปาก ที่ช่วยลดเชื้อก่อโรคในช่องปากและป้องกันโรคปริทันต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ
-
วิทยาลัยการจัดการนวัตกรรมและอุตสาหกรรม
ผลิตภัณฑ์ไฮยาอินทผลัมเป็นเซรั่มที่พัฒนาขึ้นจากสารสกัดอินทผลัม ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดเลือนริ้วรอย และกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า โดยผสานกับกรดไฮยาลูรอนิคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุง ผลิตภัณฑ์นี้เกิดจากการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งใจซื้อของผู้บริโภค พบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณสมบัติด้านการชะลอวัย ความปลอดภัย และแหล่งที่มาของส่วนผสม การพัฒนาเซรั่มนี้จึงมุ่งเน้นที่การใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อเป็นตัวเลือกใหม่ในตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
คณะอุตสาหกรรมอาหาร
งานวิจัยนี้ทำการแยกและเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียแลคติกที่แยกได้จากอาหารหมักจำนวน 4 สายพันธุ์โดยศึกษาฤทธิ์การต้านเชื้อจุลินทรีย์ของเชื้อแบคทีเรียแลคติก โดยใช้วิธี agar spot และ ศึกษาสมบัติการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียแลคติก โดยใช้วิธี agar overlay diffusion method ผลการทดลองพบว่าแบคทีเรียแลคติกแต่ละสายพันธุ์มีฤทธิ์การต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในอาหาร และสมบัติการดื้อยาปฏิชีวนะที่ระดับแตกต่างกัน ซึ่งเป็นสมบัติด้านความปลอดภัยของจุลินทรีย์โพรไบโอติก