แมลงศัตรูทางการแพทย์และสัตวแพทย์ที่สำคัญจำพวกยุงลายบ้าน แมลงวันบ้าน และแมลงสาบ ล้วนสร้างปัญหาทางด้านสุขอนามัยของคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงสร้างความบดบังความงามทางทัศนียภาพมากขึ้น ดังนั้นงานวิจัยครั้งนี้จึงค้นพบสูตรผสมของน้ำมันหอมระเหยและสารออกฤทธ์หลักจากพืชสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและกำจัดแมลงเหล่านี้เมื่อเทียบกับสารเคมีกำจัดแมลง รวมถึงมีความปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมได้ และพบว่ามีความเสถียรและรักษาคุณภาพการออกฤทธิ์ของสารได้เป็นอย่างดี ซึ่งสารสูตรดังกล่าวสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถใช้แทนหรือลดการใช้สารเคมีกำจัดแมลงเหล่านี้ได้
แมลงศัตรูทางการแพทย์และสัตวแพทย์มีแมลงหลากหลายชนิดที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขและสัตว์เลี้ยงต่างๆอย่างมากมายกับประชากรทั่วโลก โดยเน้นแมลงที่มีความสำคัญในทางการแพทย์และสัตวแพทย์ในปัจจุบัน ได้แก่ ยุงลายบ้าน แมลงวันบ้าน แมลงวันคอกสัตว์ เหามนุษย์ แมลงสาบอเมริกัน และแมลงสาบเยอรมัน เพราะแมลงศัตรูเหล่านี้เป็นแมลงพาหะที่นำโรคมาสู่มนุษย์และสัตว์เลี้ยง อาทิเช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อ เป็นต้น จากปัญหาดังกล่าวจึงมีความจำเป็นอย่างมากในการหาแนวทางป้องกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงศัตรูเหล่านี้ เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตและการควบคุมระบาด ซึ่งส่วนมากนิยมใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการกำจัดแมลงที่สามารถลดจำนวนประชากรของแมลงได้อย่างรวดเร็ว แต่การใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการกำจัดแมลงเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดผลเสียต่างๆตามมา เช่น แมลงศัตรูทางการแพทย์และสัตวแพทย์สร้างความต้านทานต่อสารเคมีสังเคราะห์ จำเป็นต้องเปลี่ยนสารเคมีสังเคราะห์ชนิดใหม่ๆ หรือใช้ในปริมาณที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการระบาดของแมลงพาหะชนิดใหม่ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยมีความสำคัญเกิดการระบาดเป็นแมลงศัตรูขึ้นมาได้ และประการสำคัญคือสารเคมีสังเคราะห์มีความเป็นพิษสูงกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆที่ไม่ต้องการทำลายต้องตายไปด้วย เช่น ปลา แมลงในน้ำ ไส้เดือน เป็นต้น รวมทั้งผึ้งและแมลงมีประโยชน์ชนิดต่างๆ ปัจจุบันมีการนำน้ำมันหอมระเหยจากพืชและสารออกฤทธิ์หลักมาใช้ในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูทางการแพทย์และสัตวแพทย์อย่างแพร่หลาย ดังนั้นในการวิจัยครั้งนี้จึงมุ่งเน้นหาน้ำมันหอมระเหยจากพืชและสารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพดีในการกำจัดทุกระยะการเจริญเติบโตของแมลงศัตรูทางการแพทย์และสัตวแพทย์ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ
งานชิ้นนี้ได้แนวคิดจากการนำวัฒนธรรมการแว้นรถของวัยรุ่นไทย มานำเสนอในรูปแบบใหม่ผ่านมุมมองของตัวเรา สร้างคาแรคเตอร์และนำองค์ประกอบต่างๆภายในวัฒนธรรมมารวมเข้ากับสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ โปสเตอร์และ เสื้อวงดนตรี ด้วยเทคนิคสีอะคริลิค
คณะทันตแพทยศาสตร์
วัตถุประสงค์ และที่มา โรคฟันผุยังคงเป็นปัญหาทางทันตกรรมที่สำคัญทั่วโลก โดยมีอัตราการเกิดสูงถึง 90% ในเด็ก และผู้ใหญ่ เชื้อแบคทีเรีย Streptococcus mutans ทำให้เกิดฟันผุโดยผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต และสร้างไบโอฟิล์ม ซึ่งเป็นกระบวนการที่กำจัดได้ยาก Histatin-5 (HST-5) เป็นเปปไทด์ต้านเที่ชื้อพบในน้ำลายมนุษย์ ซึ่งแสดงฤทธิ์ต้านเชื้อราและแบคทีเรียหลายชนิด Phytosphingosine (PHS) เป็นสฟิงโกลิพิดที่สามารถพบในเชื้อรา พืช และมนุษย์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านเเช่นชื้อเเบคทีเรียเช่นกัน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความสามารถในการฆ่าเชื้อของ HST-5 และเมื่อใช้ร่วมกับ PHS ต่อ S. mutans ภายใต้สภาวะการสร้างไบโอฟิล์ม วิธีการ ประเมินฤทธิ์การต้านต่อเชื้อ S. mutans ในรูปแบบพลางค์โทนิกโดยใช้วิธี time-kill assay และตรวจสอบความสามารถในการสร้างไบโอฟิล์มโดยการย้อมด้วยคริสตัลไวโอเลต ความสามารถในการฆ่าเชื้อของสารต่อไบโอฟิล์มที่เกิดขึ้น 24 ชั่วโมง ถูกประเมินโดยใช้ Transferable Solid Phase (TSP) pin lid model การส่งเสริมฤทธิ์ระหว่าง HST-5 และ PHS ถูกประเมินโดยใช้ checkerboard technique นอกจากนี้ความเป็นพิษต่อเซลล์ไฟโบรบลาสต์ของเหงือกมนุษย์ (hGFs) ถูกประเมินหลังจากบ่มกับสาร 1 ชั่วโมง โดยใช้ MTT assay ผลการศึกษา การทดสอบ time-kill assay แสดงให้เห็นว่า HST-5 และ PHS มีฤทธิ์ต้านเชื้อ S. mutans แบบขึ้นอยู่กับเวลาและความเข้มข้น โดยที่ PHS สามารถฆ่าเชื้อได้มากกว่า 90% ภายใน 15 นาที ที่ความเข้มข้น 5 μg/ml ในขณะที่ HST-5 ต้องใช้เวลา 30 นาที เพื่อฆ่าเชื้อ 90% ที่ความเข้มข้น 20 μM ความสามารถในการสร้างไบโอฟิล์มของ S. mutans ได้รับการยืนยัน ค่าความเข้มข้นที่สามารถยับยั้งการสร้างไบโอฟิล์มได้ครึ่งหนึ่ง (IC50) ของ HST-5 และ PHS คือ 25 μM และ 13.5 μg/ml ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้ HST-5 และ PHS ร่วมกันให้ผลเสริมฤทธิ์ โดยค่า IC50 ลดลง 8 และ 16 เท่า ตามลำดับ สุดท้ายนี้ทั้งสองสารไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ hGFs ที่ความเข้มข้นที่ใช้ในการออกฤทธิ์เสริมกัน สรุปผล ดังนั้น การใช้ HST-5 และ PHS ร่วมกันอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสารต้านจุลชีพต่อไบโอฟิล์มของ S. mutans ซึ่งอาจมีศักยภาพในการป้องกันการเกิดโรคฟันผุ
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
การจะเต้นบัลเลต์ได้ดีจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบร่างกายที่ชัดเจน ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและแรงบันดาลใจสำหรับนักเรียนหรือนักเต้นชาวไทย ผู้วิจัยจึงสร้างอุปกรณ์นี้ขึ้นมาเพื่อให้นักเต้นและบุคคลทั่วไปสามารถเรียนรู้และตรวจสอบพัฒนาการในการเต้นของตัวเอง โดยเทียบเคียงกับนักบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนแบบ Face-to-face กับนักบัลเลต์ท่านนั้นโดยตรง เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงตัวเองให้มีความสามารถสูงขึ้นตามจุดประสงค์ของแต่ละคน โดยเครื่องนี้สามารถพกพาได้สะดวก เพียงแค่ต่ออุปกรณ์กับจอภาพแล้วเปิดเครื่องก็สามารถใช้งานได้ทันที