KMITL Innovation Expo 2025 Logo

ผลของความเข้มข้นของซอร์บิทอลในฐานะสารเพิ่มความยืดหยุ่นต่อฟิล์มละลายในช่องปากที่มีสารสกัดจากพริก

รายละเอียด

ฟิล์มละลายในช่องปาก (Oral Disintegrating Film: ODF) สามารถละลายในช่องปากได้ทันทีเมื่อสัมผัสกับน้ำลายโดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำ งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาผลของความเข้มข้นของซอร์บิทอลที่มีผลต่อคุณสมบัติของฟิล์มละลายในช่องปากที่มีสารสกัดจากพริก (Capsicum Oleoresin) ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ส่งผลให้การกลืนยาเป็นไปได้ง่ายขึ้น ฟิล์มดังกล่าวได้รับการพัฒนาเพื่อลดปัญหาการกลืนยา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก การเตรียมฟิล์มประกอบด้วยการใช้ซอร์บิทอลในปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งจะถูกทดสอบในแง่ของคุณสมบัติทางรีโอโลยี คุณสมบัติทางกล ปริมาณความชื้น ปริมาณน้ำอิสระ ความหนา เวลาในการสลายตัว มุมสัมผัส ค่าสี และฤทธิ์สารต้านอนุมูลอิสระ จากผลการศึกษาพบว่า ซอร์บิทอลมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเปราะบางของฟิล์ม นอกจากนี้ ความเข้มข้นของซอร์บิทอลที่เหมาะสมช่วยรักษาความคงตัวของสารสกัดจากพริกและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ซึ่งช่วยให้การกลืนสะดวกขึ้นและลดความฝืดในช่องปาก ฟิล์มที่พัฒนาขึ้นในงานวิจัยนี้แสดงถึงศักยภาพในการเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก

วัตถุประสงค์

การพัฒนาฟิล์มละลายในช่องปากเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็น วิธีการที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการนำส่งสารเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยา เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก ซึ่งภาวะนี้พบได้บ่อยในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการรับการรักษาหรือการบริโภคสารเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ฟิล์มละลายในช่องปากจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสลายตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับน้ำลาย และทำให้สารที่บรรจุในฟิล์มถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วผ่านเยื่อบุในช่องปาก นอกจากนี้ การใช้ฟิล์มชนิดนี้ยังช่วยลดภาระการย่อยในกระเพาะอาหาร ลดการทำลายสารออกฤทธิ์จากกรดในกระเพาะ จึงส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ฟิล์มละลายในช่องปากยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริโภคยาหรือสารออกฤทธิ์ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งผู้คนให้ความสำคัญกับความสะดวก ปลอดภัย และการใช้งานที่ง่ายดาย ฟิล์มชนิดนี้จึงกลายเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพในการลดความยุ่งยาก และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการใช้ยารูปแบบเดิม เช่น ผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาในการกลืนยา กลุ่มเด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาทางกล้ามเนื้อหรือระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการกลืน หนึ่งในสารสกัดที่น่าสนใจสำหรับการนำมาใช้ในฟิล์มคือ สารสกัดจากพริก (Capsicum Oleoresin) ซึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการบรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ และยังสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารสกัดนี้ได้รับการยอมรับในการนำมาใช้ทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรือแม้กระทั่งการบรรเทาอาการปวดจากโรคเรื้อรัง การนำสารสกัดจากพริกมาใช้ในฟิล์มละลายในช่องปากจึงมีความสำคัญ เนื่องจากการกระตุ้นการผลิตน้ำลายที่เพิ่มขึ้นช่วยให้การกลืนอาหารหรือยาทำได้ง่ายขึ้น ลดความฝืดและเสี่ยงต่อการสำลัก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบากอย่างมากอย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดที่สำคัญของสารสกัดจากพริกคือ ความไวต่อความชื้นและอุณหภูมิ ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของสารลดลงในระหว่างกระบวนการผลิตและการเก็บรักษา ดังนั้นการพัฒนาฟิล์มที่สามารถรักษาความคงตัวของสารสกัดจากพริกจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โครงงานนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณสมบัติของฟิล์มผ่านการใช้ซอร์บิทอลเป็นสารเพิ่มความยืดหยุ่น (Plasticizer) ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ฟิล์มละลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับน้ำลาย แต่ยังช่วยเพิ่มความทนทานของฟิล์มและช่วยรักษาประสิทธิภาพของสารสกัดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ในด้านเชิงพาณิชย์ ฟิล์มละลายในช่องปากที่บรรจุสารสกัดจากพริกยังมีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการออกฤทธิ์ของสารบรรเทาอาการปวดถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในตลาด นอกจากนั้นฟิล์มละลายในช่องปากยังสามารถขยายการใช้งานไปสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเสริมอาหารที่ต้องการการดูดซึมผ่านเยื่อบุในช่องปากที่รวดเร็วและมีความสะดวก ด้วยเหตุนี้การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาฟิล์มละลายในช่องปากที่มีสมบัติทางกายภาพและเชิงกลที่ดีขึ้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาอาการปวด หรือผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพที่สามารถดูดซึมผ่านช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

นวัตกรรมอื่น ๆ

ไร้การกระทำ

คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ

ไร้การกระทำ

งานชิ้นนี้ได้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดหลักของสภาวะโลกร้อนและโลกหลังยุคล่มสลาย ที่ได้ส่งผลกระทบให้ระบบนิเวศเกิดการแทรกแซงและความวุ่นวาย และการดำรงอยู่ของหลายๆสิ่งมีชีวิตบนโลกต้องสูญหายไป ซึ่งเกิดจากการกระทำของมนุษย์ การแก้ไขและซ่อมแซมโลกใบนี้จึงอาจเป็นความหวังที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริง เชื่อมโยงกับประสบการณ์ส่วนตัวของข้าพเจ้าที่ต้องสูญเสียสิ่งที่รัก และความทุกข์จากการตั้งความหวังที่ยิ่งใหญ่ ผ่านกระบวนการศิลปะโดยใช้สื่อ Animation Art และ Sound art

ออกแบบวงจรสำหรับการควบคุมเครื่องผลิตไฮโดรเจนโดยใช้แหล่งจ่ายจากเซลล์โฟโตโวลเทอิก

คณะวิศวกรรมศาสตร์

ออกแบบวงจรสำหรับการควบคุมเครื่องผลิตไฮโดรเจนโดยใช้แหล่งจ่ายจากเซลล์โฟโตโวลเทอิก

งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนา ระบบแปลงพลังงานไฟฟ้า เพื่อควบคุมการจ่ายพลังงานจาก โซล่าร์เซลล (PV) ไปยัง เครื่องผลิตไฮโดรเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ตามแนวทาง RE100 โดยเฉพาะไฮโดรเจนสีเขียว ที่ได้จากกระบวนการอิเล็กโทรไลซิสน้ำโดยใช้พลังงานสะอาดจากโซล่าร์เซลล์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษ โครงสร้างของระบบที่นำเสนอในงานวิจัยนี้ประกอบด้วย อินเวอร์เตอร์ NPC แบบ 3 ระดับ (Three-Level NPC Inverter), หม้อแปลง, วงจรเรียงกระแสแบบเต็มลูกคลื่น และวงจรกรองความถี่ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้กับเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ การออกแบบและจำลองระบบดำเนินการโดยใช้ MATLAB และ Simulink เพื่อประเมินประสิทธิภาพของวงจรและวิเคราะห์ผลลัพธ์ นอกจากนี้ ยังใช้ระบบควบคุม ไมโครคอนโทรลเลอร์ร่วมกับวงจรขับเกต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส โดยช่วยลดการสูญเสียพลังงาน และการออกแบบนี้สามารถแปลงพลังงาน PV ไปเป็นแรงดันและกระแสที่เหมาะสมสำหรับเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ โดยยังคงรักษาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตไฮโดรเจนไว้

การผลิตเชื้อต้นแบบ Lactic acid bacteria ในการผลิต Probiotic จากประเทศไทยที่สามารถใช้ในระบบผลิตปศุสัตว์

คณะเทคโนโลยีการเกษตร

การผลิตเชื้อต้นแบบ Lactic acid bacteria ในการผลิต Probiotic จากประเทศไทยที่สามารถใช้ในระบบผลิตปศุสัตว์

สารปฏิชีวนะ (Antibiotic) ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบการผลิตปศุสัตว์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นภูมิคุมกัน เพิ่มประสิทธิภาพการย่อยและดูดซึมโภชนะ กระตุ้นการเจริญเติบโต ปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร และลดการเกิดการติดเชื้อก่อโรค โดยเฉพาะกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรคท้องเสีย เป็นต้น นอกจากนั้น สารปฏิชีวนะยังมีส่วนช่วยในเรื่องของผลตอบแทนทางเศรฐกิจอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การใช้สารปฏิชีวนะที่ไม่ถูกวิธีก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการตกค้างของสารปฏิชีวนะในผลิตภัณฑ์ การดื้อยาในสัตว์และผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้หลายประเทศห้ามไม่ให้ใช้ยาปฏิชีวนะเป็นสารเร่งการเจริญเติบโต เช่น สหภาพยุโรป ประเทศญี่ปุ่น และยังมีอีกหลายๆ ประเทศที่มีการวางแผนที่จะห้ามไม่ให้มีการใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์ เช่น ประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ในขณะที่ประเทศไทยได้มีประกาศควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์โดยมีผลบังคับใช้ทั้งระดับโรงงานผลิตอาหารสัตว์ และฟาร์มที่ผสมอาหารสัตว์ใช้เองตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2563 ดังนั้น การทดแทนการใช้สารปฏิชีวนะด้วย Probiotic ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี ในการศึกษาครั้งนี้ ได้ทำการศึกษาเชื้อ Lactic acid bacteria ที่มีอยู่ในระบบทางเดินอาหารของไก่เนื้อ สุกร และโคเนื้อ ที่มีคุณสมบัติเป็น Probiotic ที่มีความเหมาะสมต่อการใช้ในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเชื่อต้นแบบทดแทนการนำเข้าผลิตภัณฑ์ Probiotic กลุ่ม Lactic acid bacteria จากต่างประเทศที่มักจะประสบปัญหาเรื่องอัตราการรอดชีวิตเมื่อนำไปใช้จริง