KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

ผลของความเข้มข้นของซอร์บิทอลในฐานะสารเพิ่มความยืดหยุ่นต่อฟิล์มละลายในช่องปากที่มีสารสกัดจากพริก

รายละเอียด

ฟิล์มละลายในช่องปาก (Oral Disintegrating Film: ODF) สามารถละลายในช่องปากได้ทันทีเมื่อสัมผัสกับน้ำลายโดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำ งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาผลของความเข้มข้นของซอร์บิทอลที่มีผลต่อคุณสมบัติของฟิล์มละลายในช่องปากที่มีสารสกัดจากพริก (Capsicum Oleoresin) ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ส่งผลให้การกลืนยาเป็นไปได้ง่ายขึ้น ฟิล์มดังกล่าวได้รับการพัฒนาเพื่อลดปัญหาการกลืนยา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก การเตรียมฟิล์มประกอบด้วยการใช้ซอร์บิทอลในปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งจะถูกทดสอบในแง่ของคุณสมบัติทางรีโอโลยี คุณสมบัติทางกล ปริมาณความชื้น ปริมาณน้ำอิสระ ความหนา เวลาในการสลายตัว มุมสัมผัส ค่าสี และฤทธิ์สารต้านอนุมูลอิสระ จากผลการศึกษาพบว่า ซอร์บิทอลมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเปราะบางของฟิล์ม นอกจากนี้ ความเข้มข้นของซอร์บิทอลที่เหมาะสมช่วยรักษาความคงตัวของสารสกัดจากพริกและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ซึ่งช่วยให้การกลืนสะดวกขึ้นและลดความฝืดในช่องปาก ฟิล์มที่พัฒนาขึ้นในงานวิจัยนี้แสดงถึงศักยภาพในการเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก

วัตถุประสงค์

การพัฒนาฟิล์มละลายในช่องปากเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็น วิธีการที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการนำส่งสารเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยา เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก ซึ่งภาวะนี้พบได้บ่อยในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการรับการรักษาหรือการบริโภคสารเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ฟิล์มละลายในช่องปากจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสลายตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับน้ำลาย และทำให้สารที่บรรจุในฟิล์มถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วผ่านเยื่อบุในช่องปาก นอกจากนี้ การใช้ฟิล์มชนิดนี้ยังช่วยลดภาระการย่อยในกระเพาะอาหาร ลดการทำลายสารออกฤทธิ์จากกรดในกระเพาะ จึงส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ฟิล์มละลายในช่องปากยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริโภคยาหรือสารออกฤทธิ์ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งผู้คนให้ความสำคัญกับความสะดวก ปลอดภัย และการใช้งานที่ง่ายดาย ฟิล์มชนิดนี้จึงกลายเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพในการลดความยุ่งยาก และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการใช้ยารูปแบบเดิม เช่น ผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาในการกลืนยา กลุ่มเด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาทางกล้ามเนื้อหรือระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการกลืน หนึ่งในสารสกัดที่น่าสนใจสำหรับการนำมาใช้ในฟิล์มคือ สารสกัดจากพริก (Capsicum Oleoresin) ซึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการบรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ และยังสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารสกัดนี้ได้รับการยอมรับในการนำมาใช้ทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรือแม้กระทั่งการบรรเทาอาการปวดจากโรคเรื้อรัง การนำสารสกัดจากพริกมาใช้ในฟิล์มละลายในช่องปากจึงมีความสำคัญ เนื่องจากการกระตุ้นการผลิตน้ำลายที่เพิ่มขึ้นช่วยให้การกลืนอาหารหรือยาทำได้ง่ายขึ้น ลดความฝืดและเสี่ยงต่อการสำลัก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบากอย่างมากอย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดที่สำคัญของสารสกัดจากพริกคือ ความไวต่อความชื้นและอุณหภูมิ ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของสารลดลงในระหว่างกระบวนการผลิตและการเก็บรักษา ดังนั้นการพัฒนาฟิล์มที่สามารถรักษาความคงตัวของสารสกัดจากพริกจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โครงงานนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณสมบัติของฟิล์มผ่านการใช้ซอร์บิทอลเป็นสารเพิ่มความยืดหยุ่น (Plasticizer) ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ฟิล์มละลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับน้ำลาย แต่ยังช่วยเพิ่มความทนทานของฟิล์มและช่วยรักษาประสิทธิภาพของสารสกัดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ในด้านเชิงพาณิชย์ ฟิล์มละลายในช่องปากที่บรรจุสารสกัดจากพริกยังมีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการออกฤทธิ์ของสารบรรเทาอาการปวดถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในตลาด นอกจากนั้นฟิล์มละลายในช่องปากยังสามารถขยายการใช้งานไปสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเสริมอาหารที่ต้องการการดูดซึมผ่านเยื่อบุในช่องปากที่รวดเร็วและมีความสะดวก ด้วยเหตุนี้การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาฟิล์มละลายในช่องปากที่มีสมบัติทางกายภาพและเชิงกลที่ดีขึ้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาอาการปวด หรือผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพที่สามารถดูดซึมผ่านช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

นวัตกรรมอื่น ๆ

ซอฟต์แวร์ AI สำหรับการตรวจคัดกรองโรคจากใบทุเรียน

วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

ซอฟต์แวร์ AI สำหรับการตรวจคัดกรองโรคจากใบทุเรียน

ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากโรคทางใบ เช่น โรคใบสนิม ใบไหม้ และใบจุด ซึ่งส่งผลให้คุณภาพผลผลิตลดลงและเพิ่มต้นทุนการจัดการ งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ AI สำหรับตรวจคัดกรองโรคใบทุเรียน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกในการจำแนกชนิดของรอยโรคในใบทุเรียน

การห่อหุ้มร่วมระหว่างวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นที่ส่งผลต่อเสถียรภาพและประสิทธิภาพการกักเก็บ : ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร

คณะอุตสาหกรรมอาหาร

การห่อหุ้มร่วมระหว่างวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นที่ส่งผลต่อเสถียรภาพและประสิทธิภาพการกักเก็บ : ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเทคนิคการห่อหุ้มร่วม (Co-encapsulation) ของวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นภายในลิโปโซม เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพการกักเก็บของสารสำคัญ รวมถึงศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและการปลดปล่อยในสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร โดยทำการเตรียมลิโปโซมด้วยวิธี High-Speed Homogenization Method และวิเคราะห์คุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ขนาดอนุภาค ศักย์ไฟฟ้า การกักเก็บสารสำคัญ และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระผ่าน DPPH, ABTS และ FRAP assay ผลการศึกษาพบว่าการห่อหุ้มร่วมสามารถเพิ่มความเสถียรของวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการห่อหุ้มเดี่ยว โดยมีค่าประสิทธิภาพการกักเก็บสูง และสามารถรักษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดี นอกจากนี้ ลิโปโซมที่เตรียมขึ้นยังแสดงประสิทธิภาพการปลดปล่อยที่เหมาะสมในสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคนิค Co-encapsulation ในการเพิ่มประสิทธิภาพของสารอาหารเชิงหน้าที่ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพได้

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการใช้บอร์ดเกมการทำเกษตรผสมผสานของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการใช้บอร์ดเกมการทำเกษตรผสมผสานของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบอร์ดเกมสำหรับการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาการเกษตรผสมผสาน และศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี ที่ได้ใช้บอร์ดเกมดังกล่าวในการเรียนรู้ โดยมีเครื่องมือในการวิจัยได้แก่ บอร์ดเกมที่พัฒนาขึ้นด้วย Educational Boardgame Design Canvas มีลักษณะเป็นเกมวางแผน กระดานเกม 5 แผ่น การ์ดจำนวน 166 ใบ แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การ์ดสุ่มสถานการณ์ จำนวน 30 ใบ การ์ดแอคชันพิเศษ จำนวน 60 ใบ การ์ดตัวละคร จำนวน 16 ใบ และการ์ดการผลิต จำนวน 60 ใบ โทเคนทรัพยากร จำนวน 180 โทเคน 6 ประเภท ได้แก่ โทเคนน้ำจำนวน 60 โทเคน โทเคนดิน จำนวน 60 โทเคน โทเคนผลผลิตจากพืช จำนวน 45 โทเคน โทเคนผลผลิตจากสัตว์ จำนวน 45 โทเคน โทเคนผลผลิตจากสัตว์น้ำ จำนวน 45 โทเคน และ โทเคนเงิน จำนวน 45 โทดคน ลูกเต๋า จำนวน 1 ลูกและแผ่นช่วยเล่น 5 แผ่น ที่จำเป็นในการเล่น ซึ่งเกมนี้เน้นให้ผู้เล่นวางแผนการทำเกษตรผสมผสานเพื่อให้ได้ผลผลิตและคะแนนความสำเร็จสูงสุด ภายใต้เงื่อนไขของเกมและสถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้น แบบทดสอบก่อนและหลังการใช้บอร์ดเกม และแบบสอบถามความพึงพอใจ ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนหลังใช้บอร์ดเกมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยคะแนนเฉลี่ยก่อนใช้บอร์ดเกมอยู่ที่ 6.54 คะแนน และหลังใช้บอร์ดเกมเพิ่มขึ้นเป็น 17.71 คะแนน นอกจากนี้ การวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนการสอนด้วยบอร์ดเกมพบว่ามีระดับความพึงพอใจในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 4.45) โดยรายการที่ได้รับคะแนนสูงสุด ได้แก่ การที่ผู้สอนให้ทำแบบทดสอบหลังเรียน (ค่าเฉลี่ย 4.69) และการใช้วิธีการสอนที่น่าสนใจและหลากหลาย (ค่าเฉลี่ย 4.66)