การศึกษาผลของการทำ seed priming ด้วยสารสกัดจากสาหร่าย Chaetomorpha sp. ต่อความงอกและการเจริญเติบโตของต้นกล้าพริก มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของความเข้มข้นของสารสกัดจากสาหร่ายต่อการงอกและการเจริญเติบโตของต้นกล้าพริก การทดลองประกอบด้วยการแช่เมล็ดพริกในสารละลายสกัดจากสาหร่าย Chaetomorpha sp. ที่ระดับความเข้มข้นต่างๆ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ จำนวน 4 ซ้ำ ผลการศึกษาพบว่า การทำ seed priming ด้วยสารสกัดจากสาหร่ายมีแนวโน้มส่งเสริมการงอกของเมล็ดพริก โดยพบว่าเมล็ดที่ผ่านการ priming ด้วยสารสกัดจากสาหร่ายมีเปอร์เซ็นต์ความงอก ดัชนีการงอก และความเร็วในการงอกสูงกว่าชุดควบคุม นอกจากนี้ยังพบว่าต้นกล้าที่ได้มีการพัฒนาของรากและลำต้นที่แข็งแรงกว่าชุดควบคุม การศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสารสกัดจากสาหร่าย Chaetomorpha sp. ในการเพิ่มคุณภาพของเมล็ดพันธุ์พริก ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตต้นกล้าพริกคุณภาพสูงต่อไป
พริก (Capsicum annuum L.) เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีการปลูกกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค และมีความต้องการของตลาดสูงทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้ปลูกพริกมักประสบปัญหาในขั้นตอนการเพาะกล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการงอกของเมล็ดที่ไม่สม่ำเสมอและความแข็งแรงของต้นกล้าที่ต่ำ ส่งผลให้ได้ต้นกล้าที่ไม่มีคุณภาพและไม่เพียงพอต่อการผลิต การทำ seed priming เป็นเทคนิคหนึ่งที่ได้รับความสนใจในการปรับปรุงคุณภาพเมล็ดพันธุ์ โดยเป็นการกระตุ้นกระบวนการทางสรีรวิทยาของเมล็ดก่อนการงอก ซึ่งช่วยให้เมล็ดมีความงอกที่สม่ำเสมอและต้นกล้ามีความแข็งแรงมากขึ้น ในปัจจุบัน การใช้สารสกัดจากธรรมชาติในการทำ seed priming กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้ใช้ สาหร่าย Chaetomorpha sp. เป็นสาหร่ายสีเขียวที่พบได้ทั่วไปตามชายฝั่งทะเลของประเทศไทย มีรายงานว่าสารสกัดจากสาหร่ายชนิดนี้อุดมไปด้วยสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช เช่น ออกซิน ไซโทไคนิน และจิบเบอเรลลิน รวมถึงแร่ธาตุและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้น การนำสารสกัดจากสาหร่าย Chaetomorpha sp. มาประยุกต์ใช้ในการทำ seed priming จึงเป็นแนวทางที่น่าสนใจในการพัฒนาวิธีการปรับปรุงคุณภาพเมล็ดพันธุ์พริกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอาจนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตต้นกล้าพริกคุณภาพสูงในเชิงการค้าต่อไป การศึกษานี้จึงมุ่งเน้นที่จะศึกษาผลของการทำ seed priming ด้วยสารสกัดจากสาหร่าย Chaetomorpha sp. ต่อความงอกและการเจริญเติบโตของต้นกล้าพริก เพื่อพัฒนาวิธีการปรับปรุงคุณภาพเมล็ดพันธุ์พริกที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมการผลิตต้นกล้าพริกของประเทศไทย

คณะวิศวกรรมศาสตร์
โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและพัฒนารถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงจากระบบเครื่องยนต์สันดาปเป็นระบบไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการลดมลพิษทางอากาศและเสริมสร้างเทคโนโลยียานยนต์ที่ยั่งยืน รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าได้รับการออกแบบโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า BLDC และระบบควบคุมที่ปรับแต่งให้เข้ากับการขับขี่แบบเฉพาะของรถสามล้อในประเทศไทย การศึกษาได้พิจารณาถึงระบบพลังงานที่เหมาะสม รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้ขับขี่รถตุ๊กตุ๊กแบบดั้งเดิมเพื่อออกแบบรถที่ตอบสนองต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ผลจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการนำรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามาใช้นอกจากจะลดการปล่อยมลพิษและฝุ่น PM2.5 ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแก่ภาคการท่องเที่ยวไทย พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจภายในประเทศ

คณะวิทยาศาสตร์
ด้วยจำนวนผู้ป่วยโรคตับแข็งและมะเร็งตับที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการบริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีการปนเปื้อนอะฟลาท็อกซิน บี1 (AFB1) การพัฒนาเทคนิคการตรวจคัดกรอง AFB1 ที่รวดเร็วจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง งานวิจัยนี้ได้เสนอแอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมีรูปแบบใหม่ ซึ่งใช้อิเล็กโทรดที่ผลิตจากแผ่นทองคำเปลว (GLE) ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุเชิงประกอบนาโนทองแพลทินัม-รูทิเนียม/รีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ (AuPt-Ru/RGO) แบบใช้แล้วทิ้งและยังมีต้นทุนต่ำ วัสดุเชิงประกอบนาโนโลหะผสม AuPt-Ru นั้นถูกสังเคราะห์ขึ้นด้วยวิธีการเคมีรีดักชันทางเคมีร่วมกับการใช้คลื่นความถี่อัลตราโซนิก พบว่าอนุภาคที่สังเคราะห์ได้มีรูปร่างคล้ายผลหยางเหมย โดยมีแกนกลางเป็นทอง แพลตินัมเป็นขนล้อมรอบและรูทิเนียมกระจายอยู่รอบอนุภาค มีขนาดอนุภาคเฉลี่ย 57.35 ± 8.24 นาโนเมตร ทั้งนี้วัสดุเชิงประกอบนาโนทองแพลทินัม-รูทิเนียมได้ถูกวางลงบนแผ่นรีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ที่มีขนาดส้นผ่านสูนย์กลางภายใน 0.5 – 1.6 ไมโครเมตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนอิเล็กตรอน และเพิ่มพื้นที่ผิวสำหรับการตรึงแอปตาเมอร์ (Apt) ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการตรวจวัด AFB1 ได้อย่างแม่นยำ ด้วยปริมาณตำแหน่งกัมมันต์ที่มีขนาดใหญ่ และค่าความต้านทานในวงจรไฟฟ้ากระสลับที่ต่ำแอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมี GLEAuPt-Ru/RGO ที่สร้างขึ้นแสดงความไวสูงในการตรวจวิเคราะห์ AFB1 ผลการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคโวลแทมเมทรีพัลส์เชิงอนุพันธ์ (DPV) ได้แสดงค่าความเป็นเส้นตรงสำหรับการตรวจวัด AFB1 ในช่วงความเข้มข้น 0.3 – 30.0 พิโคกรัมต่อมิลลิลิตร (R2 = 0.9972) โดยมีขีดจำกัดต่ำสุดของการตรวจวัด (LOD, S/N = 3) และขีดจำกัดต่ำสุดของการวิเคราะห์ (LOQ, S/N = 10) อยู่ที่ 0.009 พิโคกรัมต่อมิลลิลิตรและ 0.031 พิโคกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ แอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมี GLEAuPt-Ru/RGO ให้ผลลัพธ์การวิเคราะห์ AFB1 ที่ดีในตัวอย่างจริง โดยมีร้อยละค่าคืนกลับของสัญญาณอยู่ในช่วง 94.6% ถึง 107.9% ในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น พริกแดงแห้ง กระเทียม ถั่วลิสง พริกไทย และข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแอปตาเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมีที่สร้างขึ้นมีความเฉพาะเจาะจงต่อ AFB1 สูง และยังแสดงพฤติกรรมทางไฟฟ้าเคมีได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งคล้ายกับขั้วไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์อื่น ๆ โดยมีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ AFB1 ในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างดียิ่ง

คณะเทคโนโลยีการเกษตร
ในปัจจุบัน ความสนใจในสุขภาพและการบริโภคอาหารปลอดสารพิษได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาหารที่สามารถผลิตได้เองในครัวเรือน เช่น เห็ดนางฟ้าภูฐาน ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม การเพาะเห็ดในโรงเรือนขนาดเล็กมักประสบปัญหาสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิและความชื้นที่ไม่เสถียร ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของเห็ด การพัฒนาระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัตโนมัติจึงมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นเพื่อปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเห็ดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดความผิดพลาดจากการควบคุมด้วยมือ และส่งเสริมการผลิตอาหารที่ปลอดภัยในครัวเรือน นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตและสนับสนุนแนวคิดการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน การใช้เทคโนโลยีนี้จึงถือเป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับการเพาะเห็ดให้มีคุณภาพและเพิ่มความยั่งยืนในการผลิตอาหาร