การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์พัฒนาเว็บไซต์เก็บรวบรวมข้อมูลของ Young Smart Farmer จังหวัดจันทบุรี ใช้แบบสัมภาษณ์เก็บจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 ราย เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์ โดยนำข้อมูลที่ได้มาจัดหมวดหมู่และใช้ข้อมูลดังกล่างในการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่แก่เกษตรกรและบุคคลที่สนใจ จากนั้นดำเนินการศึกษาความพึงพอใจต่อเว็บไซต์ โดยใช้แบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายและเพศหญิงเท่ากัน มีอายุอยู่ระหว่าง 36-40 ปีมากที่สุด ร้อยละ 50.00 เป็น Young Smart Farmer อำเภอขลุง แหลมสิงห์ และแก่งหางแมวมากที่สุด ร้อยละ 13.33 สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 60.00 ประกอบอาชีพหลักเป็นเกษตรกร ร้อยละ 73.33 ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อเว็บไซต์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล Young Smart Farmer พบว่ากลุ่มตัวอย่างพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยเรียงลำดับได้ดังนี้ 1) ด้านการใช้งานเว็บไซต์ (ค่าเฉลี่ย 4.97) 2) ด้านความพึงพอใจโดยภาพรวม (ค่าเฉลี่ย 4.93) 3) ด้านคุณภาพของเนื้อหา (ค่าเฉลี่ย 4.91) 4) ด้านประโยชน์และการนำไปใช้ (ค่าเฉลี่ย 4.87) และ 5) ด้านการออกแบบและการจัดรูปแบบมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.85) ตามลำดับ
ภาคการเกษตรมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย จากรายงานพบว่า ในปี 2566 ประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่ากว่า 284,561.80 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 17.30% ของรายการสินค้าส่งออกทั้งหมด (Office of Trade Policy and Strategy, 2024) ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรม 149.25 ล้านไร่ คิดเป็น 32.60% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ อีกทั้งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาคการเกษตรของไทยต้องเผชิญปัญหาหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือ เกษตรไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นในการทำการเกษตร (Ministry of Agriculture and Cooperatives, 2017) ทำให้เกษตรกรขาดความรู้ในการพัฒนาการผลิต ขาดความรู้ทางช่องทางการตลาด การสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตร และปัญหาคนรุ่นใหม่ที่สนใจการทำเกษตรน้อยลง ส่งผลให้แรงงานภาคการเกษตรลดน้อยลง จากข้อมูลจากการสำมะโนการเกษตร พบว่าผู้ถือครองทำการเกษตรส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 35.00 ปีขึ้นไป และผู้ถือครองในช่วงอายุ 35.00-44.00 ปี มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 26.80 ในปี 2546 เป็นร้อยละ 18.40 ในปี 2556 ส่วนในกลุ่มผู้สูงอายุ 65.00 ปีขึ้นไป กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 13.10 เป็นร้อยละ 18.50 ในปี 2556 (National Farmers Council, 2018) กรมส่งเสริมการเกษตรจึงมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเกษตร ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) และแผนปฏิบัติงาน ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564) เพื่อเป็นการวางรากฐานการพัฒนาระยะยาวอันนำไปสู่การพัฒนาและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงมีการกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในอาชีพของเกษตรกรและองค์กรเกษตรกร โดยการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2557 มีเป้าหมายหลักในการพัฒนาเกษตรกรให้มีความสามารถด้านการเกษตร ทดแทนเกษตรกรผู้สูงอายุและสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันมาประกอบอาชีพ 2 เกษตรกรรม (Department of Agricultural Extension, 2017) โดยการขับเคลื่อนพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ในปี 2564 โดยใช้งบประมาณ 15.16 ล้านบาท และได้กำหนดการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ในปี 2565 โดยใช้งบประมาณ 21.39 ล้านบาท (Office of the Secretary of the Department of Agricultural Extension, 2020) ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าร่วมโครงการและผ่านการประเมินเป็น Young Smart Farmer ทั่วประเทศ จำนวน 23,411 ราย (Khao Khitchakut District Agriculture Office Chanthaburi Province, 2023) ซึ่งในจังหวัดจันทบุรีมี Young Smart Farmer ที่มีความสามารถและความรู้ในด้านต่างๆ ที่ไม่เพียงแต่มีทักษะในการทำการเกษตรเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับจากทั้งภาครัฐและเอกชนในระดับประเทศ เนื่องจากการทำงานที่มีความตั้งใจในการสร้างความยั่งยืนให้กับการเกษตรในท้องถิ่น Young Smart Farmer หลายรายได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง เช่น ผลไม้ที่ปลูกด้วยวิธีการเกษตรอินทรีย์หรือผลิตภัณฑ์จากการแปรรูปทางการเกษตรที่ได้รับการยอมรับในตลาด แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ในขณะนี้คือการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของ Young Smart Farmer แต่ละรายเข้าด้วยกัน เนื่องจากเกษตรกรแต่ละรายต่างก็มีการดำเนินงานและพัฒนาผลผลิตของตนเองอย่างเป็นอิสระและแยกจากกัน โดยไม่มีการเชื่อมโยงหรือแบ่งปันข้อมูลในระดับกว้าง จากสภาพปัญหาและประเด็นยุทธศาสตร์ดังกล่าว การมีแพลตฟอร์มกลางหรือฐานข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลของ Young Smart Farmer ในจังหวัดจันทบุรีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เกษตรกรได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้พัฒนาเว็บไซต์ Young Smart Farmer Chanthaburi ขึ้นมาเพื่อรวบรวมและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรกร Young Smart Farmer จังหวัดจันทบุรี เพื่อให้การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับ Young Smart Farmer จังหวัดจันทบุรี เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการนำไปพัฒนาเว็บไซต์ในการส่งเสริมกิจกรรมทางการเกษตรในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและงานส่งเสริมการเกษตรต่อไปในอนาคต
คณะวิศวกรรมศาสตร์
โครงการปริญญานิพนธ์นี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตน้ำอัญชันเข้มข้นด้วยกระบวนการระเหยสุญญากาศ โดยเพื่อรักษาคุณภาพของสารสำคัญในดอกอัญชัน เช่น แอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีธรรมชาติที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง โดยใช้วิธีการวางแผนการทดลองแบบBox-Behnken Design ซึ่งเป็นวิธีทางสถิติที่ช่วยในการวิเคราะห์ปัจจัยหลายตัว การศึกษานี้เน้นการพิจารณาอัตราส่วนของดอกอัญชันแห้งต่อน้ำ อุณหภูมิการสกัด และอุณหภูมิการระเหย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการคงคุณภาพของสารสำคัญ สี กลิ่น และรสชาติ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า การใช้อัตราส่วนดอกอัญชันแห้งต่อน้ำที่ 1:15 อุณหภูมิการสกัด 60 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิการระเหย 40 องศาเซลเซียส ภายใต้ความดันต่ำสามารถลดการสูญเสียสารสำคัญและรักษาคุณสมบัติของน้ำอัญชันเข้มข้นได้ดีที่สุด ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนากระบวนการผลิตน้ำอัญชันเข้มข้นในระดับอุตสาหกรรมและเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่จากดอกอัญชัน
คณะวิทยาศาสตร์
ในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกิจกรรมของมนุษย์ส่งผลให้แนวปะการังทั่วโลกเผชิญกับภาวะเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบสุขภาพของปะการังจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อจำแนกสุขภาพของปะการังออกเป็นสี่ประเภท ได้แก่ ปะการังแข็งแรง (Healthy), ปะการังฟอกขาว (Bleached), ปะการังซีด (Pale), และปะการังตาย (Dead) โดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมเชิงลึก (Deep Learning) เป็นพื้นฐานในการฝึกสอนแบบจำแนกภาพ ในกระบวนการฝึกแบบจำลอง ได้มีการใช้เทคนิค Cross-Validation (k=5) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ พร้อมทั้งบันทึกโมเดลที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดหลังการฝึกผลลัพธ์ของโครงการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของแนวปะการัง และช่วยนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลในอนาคต
คณะอุตสาหกรรมอาหาร
กากกาแฟเป็นวัสดุเหลือใช้ที่เกิดจากกระบวนการชงกาแฟ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความนิยมในการบริโภคกาแฟทั่วโลก ภายในกากกาแฟมีสารที่เป็นประโยชน์ เช่น โพลีแซ็กคาไรด์ เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการสกัดพรีไบโอติก งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการสกัดสารพรีไบโอติกจากกากกาแฟโดยใช้วิธีการไฮโดรไลซิสด้วยกรดและการย่อยสลายทางเอนไซม์ เพื่อนำสารที่ได้มาประเมินศักยภาพในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร ผลการวิจัยคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือจากอุตสาหกรรมกาแฟ ลดปริมาณขยะอินทรีย์ และเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีไบโอติกที่สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพ ทั้งนี้ การศึกษานี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม