ปริญญานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการนำขุยมะพร้าวและน้ำยางพารามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในงานก่อสร้าง 2) เพื่อหาอัตราส่วนผสมขุยมะพร้าวและน้ำยางพาราที่เหมาะสม และ 3) เพื่อทดสอบคุณสมบัติของแผ่นฝ้าเพดานผสมขุยมะพร้าวและน้ำยางพาราภายใต้ มอก. 219-2552 เรื่องแผ่นฝ้ายิปซั่ม วิธีการดำเนินงาน มีขั้นตอนดังนี้ 1) การวางแผนการดำเนินงาน 2) การออกแบบส่วนผสมของแผ่นฝ้าเพดานผสมขุยมะพร้าวและน้ำยางพารา 3) จัดทำผลิตภัณฑ์แผ่นฝ้าเพดานผสมขุยมะพร้าวและน้ำยางพารา 4) นำผลิตภัณฑ์แผ่นฝ้าเพดานไปทดสอบคุณสมบัติตาม มอก. 219-2552 เรื่องแผ่นฝ้ายิปซั่ม และ 5) สรุปผลการทดสอบ
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีการปลูกมะพร้าวและยางพาราอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้มีเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการแปรรูปมะพร้าว เช่น ขุยมะพร้าว และน้ำยางธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ขุยมะพร้าวเป็นวัสดุธรรมชาติที่ไม่มีสารพิษ มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อสภาพอากาศ และมีค่าการนำความร้อนต่ำ ส่วนน้ำยางธรรมชาติเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การนำวัสดุเหล่านี้มาผสมผสานเพื่อผลิตแผ่นฝ้าเพดานที่มีสมบัติเป็นฉนวนป้องกันความร้อน จึงเป็นแนวทางที่สามารถช่วยลดขยะทางการเกษตร และพัฒนาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน ซึ่งสามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารได้ ปัจจุบันวัสดุที่ใช้ในการผลิตแผ่นฝ้าเพดานมักเป็นเส้นใยสังเคราะห์หรือวัสดุที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีต้นทุนสูงและอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน การพัฒนาแผ่นฝ้าเพดานจากขุยมะพร้าวผสมน้ำยางธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะจากการเกษตร แต่ยังเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศอย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ การใช้วัสดุธรรมชาติยังช่วยลดการพึ่งพาวัสดุนำเข้า ลดต้นทุนการผลิต และส่งเสริมการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดังนั้น การศึกษาวิจัยและพัฒนาแผ่นฝ้าผสมขุยมะพร้าวและน้ำยางพาราที่มีสมบัติเป็นฉนวนป้องกันความร้อน จึงมีความสำคัญทั้งในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ยั่งยืนในอนาคต
คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ
-
คณะบริหารธุรกิจ
ปัจจุบันปัญหาที่จอดรถในเขตเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความแออัดของจราจร การบริหารพื้นที่ และสิ่งแวดล้อม ระบบจอดรถอัตโนมัติ (Automated Parking System: APS) เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ ลดระยะเวลาค้นหาที่จอด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก งานวิจัยนี้ศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่ส่งผลต่อการยอมรับเทคโนโลยี APS โดยใช้กรอบแนวคิด UTAUT2 และตัวแปรสำคัญ เช่น ความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ (Performance Expectancy), ความง่ายในการใช้งาน (Effort Expectancy), อิทธิพลทางสังคม (Social Influence), ความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี (Trust in Technology) และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Consciousness) โดยโครงการ APS Evolution นำเสนอโซลูชันการจอดรถอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ในเมือง โดยมุ่งเน้น การพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ใช้และการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ
คณะเทคโนโลยีการเกษตร
สภาพแวดล้อมที่แปรปรวนในปัจจุบันทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพืชอาหารสัตว์ในฤดูแล้งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น การศึกษาผลของความหนาบรรจุภัณฑ์ ต่อคุณภาพข้าวโพดอาหารสัตว์ในระหว่างการเก็บรักษาระยะยาวเพื่อคงคุณภาพของข้าวโพดหมักในฤดูแล้งเนื่องจากเกิดการขาดแคลน ผลการศึกษาพบว่า บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดความหนา 80, 120, 150 และ 200 ไมครอนที่อายุ 0-21 วัน มีคุณสมบัติทางกายภาพได้แก่ กลิ่น, เนื้อพืชหมัก, สี และค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยกลิ่นของพืชหมักจะมีความคล้ายกลิ่นผลไม้ดอง หรือน้ำส้มสายชู เนื้อพืชหมักจะมีความแน่น ส่วนใบและลำต้นคงสภาพเดิม สีของพืชหมักมีสีเหลืองอมเขียว และมีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง 3.7-4.7 การวิเคราะห์ปริมาณกรดแลคติก พบว่า บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดความหนา 200 ไมครอนที่อายุเก็บรักษา 21 วัน มีปริมาณกรดแลคติกมากที่สุด (5.64%) และคุณค่าทางโภชนะของข้าวโพดหมักในบรรจุภัณฑ์ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ