โครงงานนี้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์แบบอัตโนมัติ ซึ่งรองรับทั้งป้ายทะเบียนรูปแบบปกติและพิเศษของประเทศไทย โดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านป้ายทะเบียน ระบบนี้สามารถรองรับข้อมูลได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ผู้ใช้สามารถลงทะเบียนและชำระค่าบริการแบบ Subscription เพื่อนำส่งข้อมูลให้ระบบประมวลผลผ่าน RESTful API, WebSocket, และกล้อง IP ที่ลงทะเบียนกับระบบ
ในปัจจุบัน ระบบการอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ มีการนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง เช่น ระบบตรวจสอบรถ เข้าออก ระบบจัดการลานจอดรถ ระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้เก็บค่าผ่านทางแบบอัตโนมัติ ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ความแม่นยำในการอ่านป้ายทะเบียนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประสิทธิภาพ และความถูกต้องของข้อมูล เทคโนโลยี Machine Learning จึงถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านป้ายทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ Software Module ที่ติดตั้งแบบถาวร หรือเป็นบริการ E-service อย่างไรก็ตาม ระบบรูปแบบ Software Module มักพบปัญหาในการไม่ได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ และระบบรูปแบบ E-service ในปัจจุบันยังไม่สามารถอ่านป้ายทะเบียนของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากความซับซ้อนของภาษาไทย ที่เกิดจากป้ายทะเบียนรูปแบบพิเศษ เช่น ป้ายทะเบียนประมูลของกรมขนส่งทางบก ที่มีลวดลาย และรูปแบบตัวอักษรที่แตกต่างจากป้ายทะเบียนปกติ จากปัญหาที่กล่าวมา โครงการนี้จึงมีแนวคิดในการพัฒนา Machine Learning Model ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาเฉพาะของป้ายทะเบียนในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายความแม่นยำในการอ่านป้ายทะเบียนอยู่ที่ 95 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับการพัฒนาบริการ E-service สำหรับการอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใช้งาน Machine Learning Model ของเราได้ โดยผ่านการลงทะเบียนบนเว็บไซต์ จ่ายค่าสมัครใช้บริการรายเดือน และส่งข้อมูลในรูปแบบของรูปภาพผ่าน RESTful API, WebSocket และวิดีโอผ่านกล้อง IP ที่มีการลงทะเบียนเอาไว้กับระบบ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเว็บไซต์สำหรับผู้ดูแลระบบ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการและตรวจสอบการทำงานของระบบ
คณะวิทยาศาสตร์
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม ในการเป็นสารช่วยตกตะกอนในแหล่งน้ำผิวดินเพื่อการปรับปรุงคุณภาพน้ำ สารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม เป็นสารตกตะกอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นทางเลือกในการปรับปรุงคุณภาพของน้ำผิวดิน แหล่งน้ำผิวดินมีความขุ่นอยู่ในช่วง 14-24 NTU นำมาทำการตกตะกอนความขุ่นในน้ำด้วยวิธีการทดลองจาร์เทส (Jar test) โดยการใช้สารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม เป็นสารตกตะกอน (Coagulant) และ เป็นสารช่วยตกตะกอน (Coagulant aid) โดยวิธีการคือนำเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขามมาบดให้ละเอียด จากนั้นสกัดด้วยสารละลายโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) 0.5 โมลาร์ และนำสารสกัดที่ได้มาใช้เป็นสารตกตะกอนเพื่อลดความขุ่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำ โดยแต่ละความเข้มข้นใช้ปริมาตรน้ำ 300 มิลลิลิตร ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าสารสกัดจากเมล็ดมะรุมที่ความเข้มข้น 2,000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 73.19% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0309 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร รองลงมาเป็นสารสกัดจากเมล็ดมะขามที่มีความเข้มข้น 4000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 56.75% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0933 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร และเมล็ดกระเจี๊ยบแดงที่มีความเข้มข้น 6000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 32.67% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0567 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร
คณะวิศวกรรมศาสตร์
เนื่องจากระบบเมืองสมัยใหม่ มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูงมากกว่าในอดีต ทำให้มีการนำระบบการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าด้วยสายเคเบิลใต้ดินมาใช้งานกันอย่างแพร่หลายแทนที่การส่งพลังงานไฟฟ้าด้วยสายส่งเหนือหัว อย่างไรก็ตามการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าด้วยสายเคเบิลใต้ดินยังมีปัญหาในการใช้งานอยู่หลายประการเช่น การลงทุนที่สูงกว่าการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าเหนือหัวอยู่หลายเท่า การใช้เวลาแก้ไขเป็นระยะเวลานานเมื่อเกิดความล้มเหลวของระบบส่งจ่าย ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาที่จำกัด ความสามารถในการรับภาระเพิ่มเติมเป็นต้น โครงการวิจัยนี้ออกแบบมาเพื่อศึกษาปัญหาของสายเคเบิลใต้ดินระบบ 22 kV XLPE โดยอาศัยเทคนิค การวิเคราะห์กระแสโพลาไรซ์และกระแสดีโพลาไรซ์ซึ่งเป็นเทคนิคการวิเคราะห์ฉนวนสมัยใหม่
คณะบริหารธุรกิจ
เครื่องวัดระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในลมหายใจพร้อมการตอบสนองด้วยเสียงเพื่อวัดระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ตกค้างในปอดของผู้ที่มีการใช้ยาสูบ ซึ่งเป็นการบอกระดับการติดยาสูบแทนที่จะวัดระดับนิโคติในเลือด