โครงการนี้มีเป้าหมายในการออกแบบรีสอร์ทลอยน้ำในเกาะเต่า โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และยั่งยืนสำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยการนำเสนอห้องพักใต้ท้องทะเลและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้ Marine, คอนกรีต Marine grade, และวัสดุเหล็กหรืออะลูมิเนียมที่มีคุณภาพสูง เพื่อมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์และพลังงานจากคลื่นทะเล โดยคำนึงถึงการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพและส่งเสริมการรีไซเคิล วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ท้องทะเล โดยการให้ผู้เข้าพักมีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์ต่างๆ เช่น การปลูกปะการัง การทำความสะอาดใต้ทะเล และการเก็บขยะในพื้นที่รอบๆ รีสอร์ท โครงการนี้คาดว่าจะมีผลกระทบเชิงบวกต่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเกาะเต่า โดยสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวท้องถิ่นได้
ที่มาเริ่มแรกของโครงการนี้ เกิดขึ้นจากการรับรู้ถึงปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะปัญหาการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งและเมืองใหญ่ต่างๆ รวมถึงกรุงเทพฯ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการท่วมในอนาคต จากรายงานการศึกษาการคาดการณ์ของแผนที่โลกในปี 2050 พบว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะทำให้เมืองใหญ่หลายเมืองทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเสี่ยงต่อการจมลงใต้น้ำ ปัญหานี้ทำให้เกิดความตระหนักถึงความจำเป็นในการหาวิธีแก้ไข เพื่อการอยู่ร่วมกับน้ำอย่างยั่งยืน แนวคิดการออกแบบอาคารลอยน้ำจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการพยายามหาทางออกในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับน้ำได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน การศึกษาและพัฒนาอาคารลอยน้ำจึงมีความสำคัญในการมองหาแนวทางใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยในอนาคต ต่อมาจากการพัฒนาและค้นคว้าหาข้อมูลมากมาย ทำให้โครงการมีเป้าหมายหลักที่จะศึกษาและพัฒนาอาคารลอยน้ำในพื้นที่เกาะเต่า ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและนักดำน้ำจากทั่วโลก เกาะเต่ามีความสวยงามของแนวปะการังและระบบนิเวศทางทะเลที่หลากหลาย แต่ยังขาดที่พักที่สามารถเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักดำน้ำที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติและประสบการณ์ดำน้ำ การพัฒนารีสอร์ทลอยน้ำจึงเป็นทางเลือกใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รีสอร์ทนี้จะช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมทั้งให้ประสบการณ์ใหม่แก่ผู้เข้าพักในการเชื่อมโยงกับทะเลและระบบนิเวศทางทะเล การออกแบบรีสอร์ทลอยน้ำในเกาะเต่าจะเป็นต้นแบบที่สามารถนำไปต่อยอดการพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ยังสามารถเป็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
คณะอุตสาหกรรมอาหาร
ขนมเจลลี่ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ อร่อยง่าย พกพาสะดวก ดีต่อลำไส้ อุดมไปด้วยโพรไบโอติกและพรีไบโอติก มีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เหมาะกับคนที่รัสุขภาพ และผู้ที่แพ้แลคโตสสามารถรับประทานได้ ไม่ใส่แต่งสี และแต่งกลิ่น
วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง
งานวิจัยเรื่องการพัฒนาวัสดุปูพื้นระบายน้ำได้จากตะกรันเหลือทิ้ง มีวัตถุประสงค์ในการนำตะกรันเหลือทิ้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมและช่วยลดปัญหาน้ำท่วมน้ำขังหรือแอ่งน้ำได้ โดยปัจจุบันตะกรันที่เหลือจากการถลุงเหล็กหรือหลอมเหล็กมักถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของวัสดุก่อสร้าง เช่น ผิวทางถนน อย่างไรก็ตาม ตะกรันเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ทำให้น้ำซึมผ่านได้ยาก ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมและการระบายน้ำไม่ดี โครงการวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาการปรับปรุงคุณสมบัติของวัสดุปูพื้นให้มีความแข็งแรงและสามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น โดยการปรับโครงสร้างทางกายภาพหรือการเติมสารเคมี เช่น HPMC เพื่อช่วยเพิ่มช่องว่างในการซึมน้ำและระบายน้ำได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ การใช้ตะกรันเหลือทิ้งไม่เพียงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประโยชน์ในการใช้งาน แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คณะเทคโนโลยีการเกษตร
การออกแบบพื้นที่เกษตร 22 ไร่ ตั้งอยู่ภายในอำเภอทท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ แนวคิดในการออกแบบพื้นที่นี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและชุมชนสามารถสร้างรายได้จากสินค้าการเกษตรที่ผลิตเองภายในพื้นที่ โดยเน้นให้พื้นที่นี้เป็น “ตลาดมีชีวิต” ที่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งสร้างอาหารจากพืชพันธุ์หลากหลายชนิด แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่สมดุลและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อีกด้วย ตลาดนี้จะกลายเป็นพื้นที่ตลาดที่ยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่ดีต่อชุมชนในด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยพื้นที่นี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางสังคมและการเรียนรู้ ที่สมาชิกในชุมชนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์การเกษตรกันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย