KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

นวัตกรรมชุดการเลี้ยงหอยหวานทองในแนวตั้งเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยระบบอควาโปนิกส์

นวัตกรรมชุดการเลี้ยงหอยหวานทองในแนวตั้งเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยระบบอควาโปนิกส์

รายละเอียด

นวัตกรรมชุดการเลี้ยงหอยหวานทองในแนวตั้งด้วยระบบอควาโปนิกส์เป็นรูปแบบของการเกษตรแบบผสมผสานระหว่างการเลี้ยงหอยหวานทองกับการปลูกผัก โดยระบบดังกล่าวโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้พื้นที่ในแนวดิ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประหยัดน้ำในการเลี้ยงและผลิตพืชผักที่ปลอดภัยทั้งเพื่อการบริโภคหรือจำหน่าย รวมทั้งเป็นการเกื้อกูลระหว่างสิ่งมีชีวิตในระบบ ซึ่งหอยหวานทองจะขับถ่ายของเสียออกมา/เศษอาหารที่หลงเหลือจะถูกกรองบนวัสดุ ที่ใช้ในการบำบัดน้ำ ในขณะเดียวกันแบคทีเรียตามธรรมชาติจะช่วยเปลี่ยนของเสียต่างๆ เหล่านี้ให้อยู่ในรูปธาตุอาหารที่พืชนำมาใช้ประโยชน์ ดังนั้นระบบดังกล่าวจึงเป็นมิตรต่อต่อสิ่งแวดล้อม

วัตถุประสงค์

นวัตกรรมชุดการเลี้ยงหอยหวานทองในแนวตั้งด้วยระบบอควาโปนิกส์ได้พัฒนาต่อเนื่องจากระบบปิดแบบผสมผสานในแนวดิ่ง (Vertical Integrated Closed System :VICS)” หรือ VICS เป็นแบบจำลองของการเกษตรแบบผสมผสานระหว่างการเลี้ยงปลาร่วมกับการเลี้ยงการปลูกพืช ซึ่งเป็นการนวัตกรรมการเกษตรที่มีการใช้ประโยชน์จากของเสียจากการเลี้ยงปลามาผ่านการบำบัดน้ำด้วยก้อนกรวดและวัสดุอื่นๆ ในขณะเดียวกันระบบบำบัดน้ำนั้นใช้ประโยชน์ในการการปลูกผัก จึงเป็นรูปแบบการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental friendly) โดยระบบจำลองดังกล่าวเป็นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ที่มีอย่างจำกัด ใช้น้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถผลิตสัตว์น้ำควบคู่ผลผลิตผักที่ปลอดสารพิษได้ ระบบ VICS จึงเป็นนวัตกรรมที่สนองตอบโจทย์สังคมเมืองที่มีพื้นที่จำกัด ประหยัดทรัพยากรน้ำในการเลี้ยงปลาและปลูกพืช ไม่ปล่อยของเสียสู่ภายนอก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน บ้านเรือน หรือหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีพื้นที่จำกัด โครงงานของการทดสอบระบบที่ผ่านมา เช่น ผลของระบบปลูกผักต่อการเจริญเติบโตของผักในระบบอะควาโปนิกส์ วัสดุปลูกที่เหมาะสมสำหรับการผลิตผักกินใบในระบบอะควาโปนิกส์ ผลของการเลี้ยงปลานิลในระบบ VICS ที่มีรูปแบบแตกต่างกันต่อการแสดงออกของโปรตีนความเครียด ผลของความหนาแน่นต่อการเติบโตของปลานิลที่เลี้ยงในระบบ VICS ผลของการเลี้ยงปลานิลในระบบ VICS ในรูปแบบที่แตกต่างกันต่อการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำ การศึกษาวิธีการปฏิบัติที่ดีของการเลี้ยงปลานิลแดงในระบบ VICS ผลของความหนาแน่นต่อการแสดงออกของลักษณะเชิงปริมาณในปลานิลที่เลี้ยงในระบบ VICS ผลของความหนาแน่นต่อการเติบโตของปลานิลที่เลี้ยงในระบบหมุนเวียนน้ำแบบปิด และการเลี้ยงปลานิลแบบผสมผสานในแนวดิ่งด้วยระบบปิด เป็นต้น จึงนำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมชุดการเลี้ยงหอยหวานทองในแนวตั้งเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยระบบอควาโปนิกส์

นวัตกรรมอื่น ๆ

ต้นแบบระบบเว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบุและตรวจนับจำนวนชนิดเครื่องมือทันตกรรมหัตถการด้วยวิธีการเรียนรู้เชิงลึก

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ

ต้นแบบระบบเว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบุและตรวจนับจำนวนชนิดเครื่องมือทันตกรรมหัตถการด้วยวิธีการเรียนรู้เชิงลึก

โครงงานนี้จึงได้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์สำหรับระบุชนิดเครื่องมือทันตกรรมหัตถการเพื่อตรวจนับจำนวนด้วยวิธีการเรียนรู้เชิงลึก โดยเป็นการตรวจนับความครบถ้วนของอุปกรณ์ที่นำไปใช้ มีใช้วิธีการตรวจจับวัตถุ(Object Detection) ซึ่งการตรวจจับวัตถุช่วยให้สามารถตรวจจับอุปกรณ์ทันตกรรหัตถการทั้งหมดหลังจากการใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ อีกทั้งสามารถตรวจนับเครื่องมือต่างๆได้พร้อมกันหลายๆภาพเพื่อช่วยลดเวลาและความล่าช้าในกระบวนการตรวจสอบและนับจำนวนเครื่องมือทั้งหมด รวมถึงข้อมูลจำนวนและชนิดของอุปกรณ์ สามารถส่งออกไปยังฐานข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปใช้งานต่อได้อีกด้วย

การปรับปรุงคุณภาพน้ำผิวดินด้วยวิธีการตกตะกอนโดยสารสกัดเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม

คณะวิทยาศาสตร์

การปรับปรุงคุณภาพน้ำผิวดินด้วยวิธีการตกตะกอนโดยสารสกัดเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม ในการเป็นสารช่วยตกตะกอนในแหล่งน้ำผิวดินเพื่อการปรับปรุงคุณภาพน้ำ สารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม เป็นสารตกตะกอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นทางเลือกในการปรับปรุงคุณภาพของน้ำผิวดิน แหล่งน้ำผิวดินมีความขุ่นอยู่ในช่วง 14-24 NTU นำมาทำการตกตะกอนความขุ่นในน้ำด้วยวิธีการทดลองจาร์เทส (Jar test) โดยการใช้สารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม เป็นสารตกตะกอน (Coagulant) และ เป็นสารช่วยตกตะกอน (Coagulant aid) โดยวิธีการคือนำเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขามมาบดให้ละเอียด จากนั้นสกัดด้วยสารละลายโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) 0.5 โมลาร์ และนำสารสกัดที่ได้มาใช้เป็นสารตกตะกอนเพื่อลดความขุ่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำ โดยแต่ละความเข้มข้นใช้ปริมาตรน้ำ 300 มิลลิลิตร ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าสารสกัดจากเมล็ดมะรุมที่ความเข้มข้น 2,000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 73.19% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0309 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร รองลงมาเป็นสารสกัดจากเมล็ดมะขามที่มีความเข้มข้น 4000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 56.75% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0933 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร และเมล็ดกระเจี๊ยบแดงที่มีความเข้มข้น 6000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 32.67% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0567 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร

ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัตโนมัติในโรงเรือนเห็ดนางฟ้าภูฐานในครัวเรือนขนาดเล็ก

คณะเทคโนโลยีการเกษตร

ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัตโนมัติในโรงเรือนเห็ดนางฟ้าภูฐานในครัวเรือนขนาดเล็ก

ในปัจจุบัน ความสนใจในสุขภาพและการบริโภคอาหารปลอดสารพิษได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาหารที่สามารถผลิตได้เองในครัวเรือน เช่น เห็ดนางฟ้าภูฐาน ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม การเพาะเห็ดในโรงเรือนขนาดเล็กมักประสบปัญหาสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิและความชื้นที่ไม่เสถียร ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของเห็ด การพัฒนาระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัตโนมัติจึงมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นเพื่อปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเห็ดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดความผิดพลาดจากการควบคุมด้วยมือ และส่งเสริมการผลิตอาหารที่ปลอดภัยในครัวเรือน นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตและสนับสนุนแนวคิดการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน การใช้เทคโนโลยีนี้จึงถือเป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับการเพาะเห็ดให้มีคุณภาพและเพิ่มความยั่งยืนในการผลิตอาหาร