KMITL Innovation Expo 2025 Logo

ระบบไฮโดรโปนิกส์แบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับใช้ในครัวเรือน

รายละเอียด

ระบบไฮโดรโปนิกส์แบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับใช้ในครัวเรือนได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีพื้นที่น้อยแต่ต้องการปลูกผักสลัดเองในบ้านอย่างสะดวกและง่ายดาย ระบบนี้ออกแบบมาให้สามารถควบคุมการให้ธาตุอาหารโดยอัตโนมัติผ่านการตั้งค่าสภาพการนำไฟฟ้า (EC) และ pH ที่เหมาะสมสำหรับผักสลัดที่ต้องการปลูก มีแสงประดิษฐ์ร่วมเพื่อให้สามารถปลูกในพื้นที่จำกัดที่อาจมีแสงอาทิตย์ไม่เพียงพอได้ และยังเป็นระบบที่มีต้นทุนต่ำกว่าที่มีจำหน่ายในท้องตลาด จากการตรวจสอบระบบการควบคุมค่า EC และ pH พบว่าระบบปลูกนี้สามารถทำงานได้ดีและควบคุมการให้ธาตุอาหารจนถึงค่า EC และ pH ที่ตั้งไว้ได้ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที และรักษาค่าที่ตั้งไว้ได้ตลอดการเปิดทำงานของระบบ ในการทดลองปลูกผักสลัดกรีนโอ๊คโดยจำลองการตั้งระบบปลูกบริเวณระเบียง พบว่าต้นกรีนโอ๊คมีการเจริญเติบโตด้วยอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการปลูกตามปกติ โดยเฉพาะเมื่อใช้แสงประดิษฐ์ร่วม

วัตถุประสงค์

ในการปลูกผักไร้ดินหรือไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) เกิดขึ้นจากความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ในช่วงทศวรรษ 1930 ที่ต้องการหาวิธีการปลูกพืชโดยไม่ต้องใช้ดิน ซึ่งเหมาะกับการปลูกพืชในพื้นที่จำกัดหรือในเขตที่ขาดแคลนดินเพาะปลูก การค้นคว้าในเรื่องนี้พบว่าพืชต้องการธาตุอาหารที่ละลายในน้ำเพื่อเจริญเติบโตได้ดีและสามารถควบคุมคุณภาพของสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคปัจจุบัน การปลูกผักไร้ดินได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้พื้นที่เพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปลูกในอาคารหรือพื้นที่เมืองที่จำกัด ลดปริมาณการใช้น้ำด้วยการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ซ้ำ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้านอาหาร เนื่องจากลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของโรคพืชและแมลงที่อยู่ในดิน การปลูกผักไร้ดินยังสามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ไม่ขึ้นกับฤดูกาล ช่วยสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารในเมืองใหญ่และสอดคล้องกับแนวคิดการเกษตรยั่งยืน เพื่อให้การปลูกผักสลัดเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและลดอุปสรรคในการจัดการการใส่ปุ๋ยให้เหมาะสม ผู้ศึกษาได้สนใจที่จะพัฒนาระบบไฮโดรโปนิกส์แบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับใช้ในครัวเรือนที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองเพื่อสนับสนุนผู้ปลูกที่เริ่มต้นใหม่หรือผู้ที่ขาดประสบการณ์ด้านการเกษตรระบบที่พัฒนาขึ้นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนในการคำนวณปริมาณปุ๋ยที่เหมาะสมรวมถึงการเติมปุ๋ยในเวลาที่เหมาะสม นอกจากช่วยประหยัดเวลาและแรงงานแล้วระบบนี้ยังมีความสามารถในการปรับปริมาณปุ๋ยให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของผักสลัดในแต่ละช่วง ส่งผลให้ผู้ปลูกผักสลัดสามารถมั่นใจได้ว่าผักจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงและมีโอกาสสำเร็จในการปลูกมากขึ้น

นวัตกรรมอื่น ๆ

พื้นที่เรียนรู้นวัตกรรมการปลูกพืชในเมือง

คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ

พื้นที่เรียนรู้นวัตกรรมการปลูกพืชในเมือง

สถานการณ์ในปัจจุบันและความไม่แน่นอน นำมาสู่แนวคิดความมั่นคงทางอาหาร การนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อให้เกิดการให้ผลผลิตที่มากในพื้นที่จำกัด โดยปรับปรุงอาคารเก่าในพื้นที่เมืองที่ไม่ถูกใช้งานมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับการปลูกพืช จัดทำเป็นพื้นที่เรียนรู้การปลูกพืชในเมือง นำเสนอวิธีการปลูกพืชแบบต่างๆ รวบรวมเป็นนวัตกรรมการปลูกพืชกว่า 35 รายการ สำหรับเผยแพร่ความรู้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร พึ่งพาตนเอง การอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

แอปพลิเคชันปลูกต้นไม้สำหรับหอพัก

คณะเทคโนโลยีการเกษตร

แอปพลิเคชันปลูกต้นไม้สำหรับหอพัก

โครงการนี้ได้สร้างระบบดูแลต้นไม้ในหอพักผ่านระบบ IoT ( Internet of Things ) โดยการพัฒนาโปรแกรมผ่านบอร์ด ESP-32 ควบคุมการรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ โดยสั่งการผ่าน สมาร์ทโฟน สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการทั้ง iOS และ Android โครงการนี้จะช่วยให้การปลูกต้นไม้ในหอพักเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

การประยุกต์ใช้แชทบอทปัญญาประดิษฐ์และแนวคิดลีนในการลดเวลาการรอคอยของลูกค้าและบริษัทคู่สัญญา เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ

คณะวิศวกรรมศาสตร์

การประยุกต์ใช้แชทบอทปัญญาประดิษฐ์และแนวคิดลีนในการลดเวลาการรอคอยของลูกค้าและบริษัทคู่สัญญา เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ

โครงงานสหกิจฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้า โดยเน้นการปรับปรุงตามแนวคิดแบบลีนและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในกรณีศึกษาของบริษัท เน็กซเตอร์ ดิจิตอล แอนด์ โซลูชั่น จํากัด ซึ่งผู้วิจัยมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานและสร้างมาตรฐานการทำงาน รวมถึงนำเทคโนโลยีบอท เข้ามาแก้ไขในกระบวนการทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาลดลงและสามารถสร้างมาตรฐานการทำงานใหม่ให้กับทางบริษัทได้ งานวิจัยฉบับนี้ได้เสนอแนวคิดที่สำคัญในการหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา, การลดขั้นตอนของกระบวนการที่มีความซ้ำซ้อน, การนำวิธีแนวคิดลีน (Lean) มาปรับใช้, การประยุกต์เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการ เป็นต้น อนึ่ง ในงานวิจัยนี้สามารถแยกปัญหาหลักที่แก้ไขได้ 2 ปัญหาหลัก โดยปัญหาแรกคือการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา ผลการวิจัย พบว่า สามารถลดเวลาการแก้ไขปัญหาจากค่าเฉลี่ย 5 วัน เหลือ 3 วัน นั่นคือสามารถลดได้ 38% และ ในปัญหาหลักที่สองคือการแก้ไขปัญหาให้ทาง Vendor ผลการวิจัย พบว่า สามารถลดเวลาการตอบกลับการแก้ไขปัญหาจากค่าเฉลี่ย 20 นาที เหลือ 0.3 นาที คิดเป็น 98.5% จากผลการทดลองของทั้งสองปัญหาหลักไม่เพียงช่วยยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้า แต่ยังสร้างมาตรฐานในการตอบสนองและแก้ไขปัญหาภายในองค์กรให้มีระยะเวลาที่ลดลง