เป็นการศึกษาภูมิปัญญา ชีววิทยา และ สารสำคัญ เพื่อนำพืชเสม็ดขาว (Melaleuca cajuputu Powell) เพื่อการอนุรักษ์ และนำมาใช้ประโยช์ด้านเการเกษตร สุขภาพ และพลังงานชีวมวล
เสม็ดขาว (Melaleuca cajuputu Powell) พบมากในป่าพรุ ภายในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร ยอดอ่อนมีรสเปรี้ยวอมฝาด สามารถนำมารับประทานเป็นผักพื้นบ้าน โดยการนำมาลวก หรือกินกับผักกับน้ำพริก ใบใช้ต้มน้ำดื่มแทนน้ำชา ใช้รักษาโรคปวดเมื่อย ดีซาน โรคหอบ ถายพยาธิ แกไอและช่วยให้เขาอูเร็ว ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ เช่น แพะ และควาย เปลือกใช้ ทำไต้ จุดไฟ ทำหลังคา ย้อมแหและผสมชันยางอุดรูรั่วของเรือ เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องมือของใช้ กิ่งใช้ทำฝืนและเผาถ่าน จากการศึกษาภูมิปัญญาพื้นบ้านพบว่ามีการนำน้ำมันหอมระเหยใช้ทำยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย รักษาโรคไขข้ออักเสบ แก้ปวดหัว ปวดหู ปวดฟัน ยารักษาโรค ผิวหนัง ใช้ฆ่าเชื้อโรค ฆ่าแมลง ใช้ภายในเป็นยากระตุ้น ขับลม แก้อาการเกร็งของกล้ามเนื้อในกระเพาะลำไส้ แก้จุกเสียด แก้ท้องอืด ขับเสมหะ แก้หลอดลมอักเสบ และขับพยาธิได้ เนื่องจากส่วนของใบมีสารออกฤทธิ์คือ cineole โดยราคาน้ำมันเสม็ดที่รับซื้อขึ้นกับปริมาณสารสำคัญได้แก่ สาร cineole เนื่องจากปริมาณเสม็ดขาวลดลงมากในปัจจุบัน เนื่องจากการใช้พื้นที่ด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเกษตร ได้แก่การปลูกปาล์มน้ำมัน ดังนั้นเพื่อให้เกิดอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากพันธุกรรมเสม็ดขาวอย่างยั่งยืนจึงควรศึกษาวิจัยภูมิปัญญาท้องถิ่น การขยายพันธุ์ การเก็บเกี่ยวใบและวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม วิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากเสม็ดขาวให้ได้ปริมาณสารสำคัญมาก การแยกสารสำคัญเพื่อการใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ และการนำเสม็ดขาวไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ทั้งเพื่อการเกษตร สมุนไพร และพลังงานชีวมวล
คณะวิทยาศาสตร์
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม ในการเป็นสารช่วยตกตะกอนในแหล่งน้ำผิวดินเพื่อการปรับปรุงคุณภาพน้ำ สารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม เป็นสารตกตะกอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นทางเลือกในการปรับปรุงคุณภาพของน้ำผิวดิน แหล่งน้ำผิวดินมีความขุ่นอยู่ในช่วง 14-24 NTU นำมาทำการตกตะกอนความขุ่นในน้ำด้วยวิธีการทดลองจาร์เทส (Jar test) โดยการใช้สารสกัดจากเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขาม เป็นสารตกตะกอน (Coagulant) และ เป็นสารช่วยตกตะกอน (Coagulant aid) โดยวิธีการคือนำเมล็ดมะรุม เมล็ดกระเจี๊ยบแดง และเมล็ดมะขามมาบดให้ละเอียด จากนั้นสกัดด้วยสารละลายโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) 0.5 โมลาร์ และนำสารสกัดที่ได้มาใช้เป็นสารตกตะกอนเพื่อลดความขุ่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำ โดยแต่ละความเข้มข้นใช้ปริมาตรน้ำ 300 มิลลิลิตร ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าสารสกัดจากเมล็ดมะรุมที่ความเข้มข้น 2,000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 73.19% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0309 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร รองลงมาเป็นสารสกัดจากเมล็ดมะขามที่มีความเข้มข้น 4000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 56.75% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0933 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร และเมล็ดกระเจี๊ยบแดงที่มีความเข้มข้น 6000 มิลลิกรัมต่อลิตร มีประสิทธิภาพในการลดความขุ่นประมาณ 32.67% โดยมีค่าใช้จ่าย 0.0567 บาทต่อน้ำ 300 มิลลิตร
คณะวิศวกรรมศาสตร์
โครงงานนี้มุ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ทดสอบเครื่องอัดประจุของยานยนต์ไฟฟ้าแบบกระแสสลับ (AC Charger) ตามมาตรฐาน IEC 61851-1 ภาคผนวก A โดยการจำลองวงจรทดสอบภายในยานยนต์ไฟฟ้าตามมาตฐาน เพื่อใช้ทดสอบการทำงานของเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ โดยในหัวข้อการทดสอบเกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับเครื่องอัดประจุผ่านระบบวงจรควบคุมด้วยสัญญาณ Pulse Width Modulation (PWM) และจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน (WI) เพื่อเตรียมการทดสอบให้เป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ซึ่งเป็นข้อกำหนดทั่วไปว่าด้วยความสามารถห้องปฏิบัติการในการดำเนินการทดสอบและ/ หรือสอบเทียบ ซึ่งภาพรวมของโครงการนี้คือ พัฒนาอุปกรณ์ทดสอบและจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน โดยได้นำเอาองค์ความรู้และอุปกรณ์ต่างๆมาทำการเก็บข้อมูล จากนั้นนำข้อมูลมาเปรียบเทียบให้เป็นไปตามมาตรฐานข้างต้น เพื่อทดสอบเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ Type II ในแต่ละสถานะ อุปกรณ์การทดสอบประกอบไปด้วยส่วนของการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ทดสอบกับเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ โดยใช้ PLC S7-1200 และ HMI เพื่อควบคุมการทำงานของสวิตช์ในวงจรอุปกรณ์ทดสอบ รวมถึงการควบคุมพารามิเตอร์และแสดงผล ส่วนของอุปกรณ์ที่ใช้วัดค่าออสซิโลสโคปและมัลติมิเตอร์ที่ผ่านกระบวนการสอบเทียบเครื่องมือวัด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตฐานที่กำหนดไว้
คณะวิศวกรรมศาสตร์
โครงงานสหกิจศึกษาหัวข้อการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้าด้วย Power BI และ Power Automate รณีศึกษาบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ศูนย์ปฏิบัติการชลบุรี จัดทำขึ้นเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการเบิก โอน จ่าย และรับเข้าสินค้า โดยมุ่งแก้ไขปัญหาเวลาสูญเปล่าและความล่าช้าที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำงาน จากการสำรวจพบว่าระบบ SAP มีกระบวนการที่ซับซ้อน ต้องมีความชำนาญ แม้ว่าบริษัทจะมีการพัฒนาระบบ iWarehouse เพื่อปรับปรุงความรวดเร็ว แต่ยังคงพบความล่าช้าและความซับซ้อนในขั้นตอนการทำงาน เพื่อแก้ปัญหานี้ ผู้ศึกษาได้นำ Power BI มาช่วยในการแสดงผลข้อมูล เช่น ข้อมูลการเบิก โอน จ่าย และรับเข้าสินค้า ช่วยให้พนักงานคลังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความสูญเปล่าและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Power Automate ยังถูกนำมาใช้ในการประมวลผลเลขการรับสินค้า อัตโนมัติจากอีเมล เพื่อลดข้อผิดพลาดและความล่าช้าในการป้อนข้อมูลจากอีเมล ผลลัพธ์จากการปรับปรุงนี้แสดงให้เห็นว่าพนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้นและสามารถลดเวลาสูญเปล่าที่เกิดขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ หลังเสร็จสิ้นการศึกษา ข้อมูลและแนวทางการพัฒนาเหล่านี้จะถูกส่งต่อให้บริษัทเพื่อนำไปพัฒนาต่อไป