KMITL Innovation Expo 2025 Logo

คีออสก์: จอแสดงข้อมูลแบบโต้ตอบบนสมาร์ทบอร์ด

คีออสก์: จอแสดงข้อมูลแบบโต้ตอบบนสมาร์ทบอร์ด

รายละเอียด

โครงงานนี้นำเสนอระบบคีออสก์แบบอินเทอร์แอคทีฟที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษา บุคลากร และผู้มาเยี่ยมชมภายในมหาวิทยาลัย คีออสก์มีการนำเสนอกิจกรรมแบบเรียลไทม์ ข่าวสาร และการเข้าถึงเอกสารของมหาวิทยาลัยผ่านคิวอาร์โคดหรืออีเมล ระบบได้รวมฟังก์ชันแผนที่สามมิติของคณะวิศวกรรมศาสตร์พร้อมระบบนำทาง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาห้องเรียน สำนักงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบจองห้อง ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจองพื้นที่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และเช็คอินผ่านการสแกนคิวอาร์โคดที่คีออสก์ จากการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบเมืองอัจฉริยะ ส่งผลให้ระบบนี้เพิ่มขีดความสามารถและการเข้าถึง การจัดการพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย เพิ่มพูนประสบการณ์ และอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาเยี่ยมชม

วัตถุประสงค์

As KMITL continues to grow with an increasing number of students, there is a greater need for efficient campus navigation and accessible information. In this new era of technology, it is essential to upgrade our systems to better facilitate the university community, starting with the RAI department. Many students, especially newcomers, struggle with locating buildings and facilities due to unfamiliar location names across the campus. This interactive kiosk serves as a one-stop service, providing students, staff, and visitors with essential university information, including admission details, without the need to search elsewhere. By integrating smart solutions, this project enhances accessibility, convenience, and overall campus experience.

นวัตกรรมอื่น ๆ

การประยุกต์ใช้กระบวนการทางคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาสารประกอบที่ยับยั้ง TIGIT ซึ่งเป็น immune checkpoint molecule สำหรับภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง: การคัดกรองด้วยกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ การศึกษาการจับตัว และการวิเคราะห์พลวัตระดับโมเลกุล

คณะวิทยาศาสตร์

การประยุกต์ใช้กระบวนการทางคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาสารประกอบที่ยับยั้ง TIGIT ซึ่งเป็น immune checkpoint molecule สำหรับภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง: การคัดกรองด้วยกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ การศึกษาการจับตัว และการวิเคราะห์พลวัตระดับโมเลกุล

มะเร็งยังคงเป็นอีกหนึ่งปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญระดับโลก โดยเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับสองของคนทั่วโลก ในปัจจุบันนอกเหนือจากการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งแล้ว ยังมีการรักษามะเร็งด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่ การฉายรังสี และเคมีบำบัด อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อผู้ป่วยได้ เนื่องจากทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติต่างถูกกำจัดไปพร้อมกัน ดังนั้นจึงมีการใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดีที่สามารถจับกับโมเลกุลที่มะเร็งใช้ยับยั้งภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immune checkpoint molecule) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง TIGIT/PVR (T-cell immunoglobulin and ITIM domain/poliovirus receptor) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่เป็นเป้าหมายในการการพัฒนายารักษามะเร็ง การใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดีในการยับยั้ง TIGIT แม้จะมีประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี แต่จากการทดลองในผู้ป่วยพบว่าสามารถเกิดผลข้างเคียงจากการใช้แอนติบอดีและไปขัดขวางการทำงานตามปกติของร่างกาย และแอนติบอดีมีต้นทุนในการผลิตที่สูง ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงมีการใช้สารประกอบขนาดเล็กแทน ซึ่งมีข้อดีในเรื่องของความสามารถในการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านการรับประทานเข้าไปและคาดว่าสามารถจัดการเนื้องอกได้ดีกว่าโมโนโคลนอลแอนติบอดีเนื่องจากมีขนาดที่เล็กกว่า โดยในการทดลองนี้เราศึกษาตัวยาที่มีความสามารถในการจับกับ TIGIT โดยคัดกรองจากตัวยาที่ผ่านการอนุมัติจาก FDA (Food and Drug Administration) ผ่านวิธี virtual screening และ molecular docking ได้สารประกอบ 100 ตัว และนำมาคัดกรองต่อจนเหลือ 10 ตัว ซึ่งมีค่าความสามารถในการจับ TIGIT อยู่ในช่วง -9.152 to -7.643 kcal/mol จากนั้นสารประกอบเหล่านี้จะถูกประเมินคุณสมบัติทางเภสัชจลนศาสตร์โดยใช้การวิเคราะห์ ADMET (Absorption, Distribution, Metabolism, Excretion, และ Toxicity) เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวยาแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้เป็นยา สารประกอบที่ผ่านเกณฑ์จะถูกวิเคราะห์ต่อโดยคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างและความเสถียรในการจับกับ TIGIT ผ่านการใช้ molecular dynamics (MD) เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างของโปรตีนจะไม่เปลี่ยนแปลงไป การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการใช้วิธีการทางคอมพิวเตอร์และการนำยากลับมาใช้ใหม่ (Drug repurposing) สามารถเป็นแนวทางในการค้นหายาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการพัฒนายารักษามะเร็งใหม่ได้รวดเร็วขึ้น

การพัฒนาชาจากเปลือกและเมล็ดของลำไย

คณะบริหารธุรกิจ

การพัฒนาชาจากเปลือกและเมล็ดของลำไย

งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาชาจากเปลือกและเมล็ดของลำไย ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ เกษตรกรผู้ปลูกและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากลำไย ในอำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ผลการศึกษาพบว่าจากกระบวนการผลิตลำไยอบแห้ง จะมีผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้คือเปลือกและเมล็ดลำไย ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเป็นชาผงสำเร็จรูปพร้อมดื่มได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการเกิดขยะจากกระบวนการผลิต ยังมีส่วนช่วยสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ดังกล่าวเพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง

เครื่องวัดระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในลมหายใจพร้อมการตอบสนองด้วยเสียง

คณะบริหารธุรกิจ

เครื่องวัดระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในลมหายใจพร้อมการตอบสนองด้วยเสียง

เครื่องวัดระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในลมหายใจพร้อมการตอบสนองด้วยเสียงเพื่อวัดระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ตกค้างในปอดของผู้ที่มีการใช้ยาสูบ ซึ่งเป็นการบอกระดับการติดยาสูบแทนที่จะวัดระดับนิโคติในเลือด