
แบรนด์ JALA ได้ก่อตั้งธุรกิจเทียนหอมไขข้าวหอมมะลิขึ้นจากความต้องการแก้ปัญหาความเครียด ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ศาสตร์ “สุคนธบำบัด (Aromatherapy)” ในการผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด เทียนหอมจากไขข้าวหอมมะลิถือเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่น ด้วยคุณสมบัติที่เผาไหม้สะอาด ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อุดมด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิวและยังคงกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์สร้างความผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง JALA ตั้งเป้าหมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานความเป็นไทยกับดีไซน์แบบโมเดิร์น ทำให้เทียนหอมของแบรนด์นี้ไม่เพียงแต่เป็นสินค้าที่มีประโยชน์ในการบำบัด แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ทันสมัย พร้อมทั้งตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ผู้คนในยุคปัจจุบันเจอกับสภาวะที่กดดันจากการเรียน การทํางาน ซึ่งทําให้เกิดการเหนื่อยล้าในแต่ละวัน จนเกิดเป็นความเครียดสะสม ทางแบรนด์ได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงหยิบยกการบําบัดความเครียดด้วยกลิ่น ซึ่งเป็นศาสตร์ของ “สุคนธบําบัด” หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ อโรมาเธอราพี (Aromatherapy) ซึ่งเป็นการบําบัดจากความรู้สึกของการรับกลิ่น การได้รับกลิ่นที่ผ่อนคลายสามารถเยียวยาทางจิตใจ และปรับปรุงอารมณ์ให้ดียิ่งขึ้นอีกทั้งทางแบรนด์ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยเทียนหอมที่วางจำหน่ายทั่วไปมักทำจากพาราฟิน ซึ่งมีสารเคมีอันตราย และเทียนหอมที่มีราคาอยู่ในระดับกลางถึงสูงมักนิยมใช้ไขถั่วเหลืองที่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันในตลาด ทางแบรนด์จึงเลือกใช้ไขข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่เพียงแต่หาได้จากธรรมชาติ แต่ยังเป็นนวัตกรรมจากฝีมือคนไทย วัตถุดิบนี้นอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าแล้วยังเป็นการยกระดับคุณค่าและเอกลักษณ์ของสินค้า นอกจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพแล้ว ทางแบรนด์ยังมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการนำเสนอความเป็นไทยในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่ายในสไตล์ "ไทยโมเดิร์น" ให้ความสำคัญกับการออกแบบที่มีความสวยงามและแฝงไปด้วยความเป็นไทยอย่างมีสไตล์

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
นวัตกรรมเมืองสีเขียว "Green and Smart City Innovation" การบูรณาการนวัตกรรมเพื่อสังคม (Social Innovation) และนวัตกรรมเพื่อเมืองอัจฉริยะ (Innovation for Smart City) อย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ต้นแบบ จ.เชียงราย โดยมีฐานการวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ในพื้นที่แบบสหวิทยาการ (Interdisiplinary collabarative learning approach) โดยชุมชน เพื่อชุมชนอันมีกลไกของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องช่วยหนุนเสริม และขับเคลื่อน วัฒนผลิตภัณฑ์สู่่การประยุกต์ใช้ในงานออกแบบสถาปัตยกรรม Project Title : “APOLE” Cultural Product Design: The Cultural Product Design Beyond. เสาอัจฉริยะ A POLE ตอบโจทย์ SMART CITY ครอบคลุมวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ “การพัฒนาเมืองที่มีความประสงค์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการ การบริหารจัดการเมือง การลดค่าใช้จ่าย และการใช้ทรัพยากร โดยเน้นกลไกการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาควิชาการ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองน่าอยู่ ทันสมัย อย่างยั่งยืน ให้ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือ” เพื่อก้าวสู่เมืองอัจฉริยะ Smart City ในอนาคต ภาครัฐบาลใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยเน้นการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น โดยดำเนินการวางโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคม เสาอัจฉริยะ การจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงดิน การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ ระบบปรับปรุงคุณภาพอากาศ อุปกรณ์ Internet of Things (IoT) และระบบการควบคุมเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพมากขึ้น เสาไฟอัจฉริยะ A Pole สามารถรองรับนวัตกรรมที่ทันสมัยได้อย่างไร้ขีดจำกัดและมีประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งสัญญาณหลักว่าเมืองกำลังพัฒนาไปสู่ยุคเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ

คณะอุตสาหกรรมอาหาร
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเทคนิคการห่อหุ้มร่วม (Co-encapsulation) ของวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นภายในลิโปโซม เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพการกักเก็บของสารสำคัญ รวมถึงศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและการปลดปล่อยในสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร โดยทำการเตรียมลิโปโซมด้วยวิธี High-Speed Homogenization Method และวิเคราะห์คุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ขนาดอนุภาค ศักย์ไฟฟ้า การกักเก็บสารสำคัญ และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระผ่าน DPPH, ABTS และ FRAP assay ผลการศึกษาพบว่าการห่อหุ้มร่วมสามารถเพิ่มความเสถียรของวิตามินซีและโคเอนไซม์คิวเท็นได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการห่อหุ้มเดี่ยว โดยมีค่าประสิทธิภาพการกักเก็บสูง และสามารถรักษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดี นอกจากนี้ ลิโปโซมที่เตรียมขึ้นยังแสดงประสิทธิภาพการปลดปล่อยที่เหมาะสมในสภาวะจำลองระบบทางเดินอาหาร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคนิค Co-encapsulation ในการเพิ่มประสิทธิภาพของสารอาหารเชิงหน้าที่ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพได้

วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
ขนมทีี่ทำจากแป้งและมีส่วนผสมทำให้มีความเหนียวคล้ายกับหมากฝรั่ง