KMITL Expo 2026 LogoKMITL 66th Anniversary Logo

JALA (เทียนหอมไขข้าวหอมมะลิ)

JALA (เทียนหอมไขข้าวหอมมะลิ)

รายละเอียด

แบรนด์ JALA ได้ก่อตั้งธุรกิจเทียนหอมไขข้าวหอมมะลิขึ้นจากความต้องการแก้ปัญหาความเครียด ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ศาสตร์ “สุคนธบำบัด (Aromatherapy)” ในการผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด เทียนหอมจากไขข้าวหอมมะลิถือเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่น ด้วยคุณสมบัติที่เผาไหม้สะอาด ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อุดมด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิวและยังคงกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์สร้างความผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง JALA ตั้งเป้าหมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานความเป็นไทยกับดีไซน์แบบโมเดิร์น ทำให้เทียนหอมของแบรนด์นี้ไม่เพียงแต่เป็นสินค้าที่มีประโยชน์ในการบำบัด แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ทันสมัย พร้อมทั้งตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

วัตถุประสงค์

ผู้คนในยุคปัจจุบันเจอกับสภาวะที่กดดันจากการเรียน การทํางาน ซึ่งทําให้เกิดการเหนื่อยล้าในแต่ละวัน จนเกิดเป็นความเครียดสะสม ทางแบรนด์ได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงหยิบยกการบําบัดความเครียดด้วยกลิ่น ซึ่งเป็นศาสตร์ของ “สุคนธบําบัด” หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ อโรมาเธอราพี (Aromatherapy) ซึ่งเป็นการบําบัดจากความรู้สึกของการรับกลิ่น การได้รับกลิ่นที่ผ่อนคลายสามารถเยียวยาทางจิตใจ และปรับปรุงอารมณ์ให้ดียิ่งขึ้นอีกทั้งทางแบรนด์ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยเทียนหอมที่วางจำหน่ายทั่วไปมักทำจากพาราฟิน ซึ่งมีสารเคมีอันตราย และเทียนหอมที่มีราคาอยู่ในระดับกลางถึงสูงมักนิยมใช้ไขถั่วเหลืองที่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันในตลาด ทางแบรนด์จึงเลือกใช้ไขข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่เพียงแต่หาได้จากธรรมชาติ แต่ยังเป็นนวัตกรรมจากฝีมือคนไทย วัตถุดิบนี้นอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าแล้วยังเป็นการยกระดับคุณค่าและเอกลักษณ์ของสินค้า นอกจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพแล้ว ทางแบรนด์ยังมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการนำเสนอความเป็นไทยในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่ายในสไตล์ "ไทยโมเดิร์น" ให้ความสำคัญกับการออกแบบที่มีความสวยงามและแฝงไปด้วยความเป็นไทยอย่างมีสไตล์

นวัตกรรมอื่น ๆ

ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า

วิทยาลัยการจัดการนวัตกรรมและอุตสาหกรรม

ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขั้นตอนการจัดการของเสียจากม้า กระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า และความคิดเห็นต่อการใช้นวัตกรรมปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสานระหว่างเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ปุ๋ยอินทรีย์ดังกล่าวผลิตจากของเสียจากม้า ซึ่งเป็นของเสียที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัด มาผ่านกระบวนการหมักจนกลายเป็นปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีธาตุอาหารที่จะเป็นต่อพืช จากผลการตรวจวิเคราะห์ปุ๋ยอินทรีย์ จากห้องปฏิบัติการปฐพีวิทยา คณะเทคโนโลยีเกษตร สถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่า ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้านั้น มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุ สะท้อนถึงศักยภาพในการกำจัดของเสียจากม้า กระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลม้า ประสิทธิภาพของปุ๋ยอินทรีย์ และแนวทางเพิ่มคุณค่าเพื่อการขยายผลทางการตลาดเชิงพาณิชย์

เมตาเวิร์สของตำบลหอกลองเพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ

เมตาเวิร์สของตำบลหอกลองเพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก

โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบเมตาเวิร์สสำหรับการท่องเที่ยวตำบลหอกลอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างต้นแบบระบบเมตาเวิร์สที่นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ในตำบลหอกลองผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ชนบทที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและยกระดับการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น การพัฒนาระบบเมตาเวิร์สในโครงการนี้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง ในการจำลองประสบการณ์การท่องเที่ยวตำบลหอกลองผ่านการนั่งเรือเสมือนจริง ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงระบบผ่านแพลตฟอร์ม Unity ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน 3D และ VR โดยระบบจะถูกออกแบบให้ผู้ใช้สามารถเลือกนั่งเรือเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการสร้างสรรค์ขึ้นมาในรูปแบบเสมือนจริง สถานที่เหล่านี้จะถูกออกแบบและพัฒนาโดยใช้โมเดลสามมิติที่สร้างขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลจริงของพื้นที่ตำบลหอกลอง โครงการนี้จึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของจังหวัดพิษณุโลกอย่างยั่งยืน และมีศักยภาพในการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการเผยแพร่ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นในวงกว้าง ระบบเมตาเวิร์สสำหรับการท่องเที่ยวตำบลหอกลองจึงเป็นโครงการที่สำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลกให้ทันสมัยและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น

การศึกษาและออกแบบเครื่องกักเก็บฝุ่น PM แบบไฟฟ้าสถิตเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดและที่มา

คณะวิศวกรรมศาสตร์

การศึกษาและออกแบบเครื่องกักเก็บฝุ่น PM แบบไฟฟ้าสถิตเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดและที่มา

ในปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาฝุ่น PM2.5 ทั่วประเทศ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดของฝุ่นได้จากหลายแหล่งที่มา เช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ การเผาในที่โล่ง ไฟป่า และอื่นๆ ดังนั้น แหล่งที่มาของฝุ่นในแต่ละพื้นที่จึงมีแนวโน้มที่จะแตกต่างกันไป ในปัจจุบันโดยเป็นการวิเคราะห์เชิงเคมีเป็นหลัก ทางคณะผู้จัดเสนอแนวทางใหม่ในการศึกษาแหล่งที่มาของฝุ่นโดยวิธีการทางกายภาพโดยวิเคราะห์จากขนาดของอนุภาคและโครงสร้างเชิงนาโน การวิเคราะห์ข้างต้นนี้ตัวอย่างฝุ่นจำเป็นที่จะต้องถูกเก็บมาแบบแห้งในระยะเวลาจำกัด โดยไม่ควรใช้แผ่นกรองกระดาษในการเก็บฝุ่น เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการลอกของแผ่นกรองออกมาด้วยในขั้นตอนการนำฝุ่นออกมา ทางคณะผู้จัดทำเห็นสมควรว่าเครื่อง Electrostatic Precipitator (ESP) หรือ เครื่องดักฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตย์ นั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนำมาเป็นเครื่องดักฝุ่นเพื่อนำไปทดสอบทางกายภาพตามที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยในงานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปในส่วนของการออกแบบและสร้างเครื่อง ESP ที่ใช้ในจุดประสงค์เฉพาะดังกล่าวข้างต้น โดยคณะผู้จัดทำสามารถสร้างเครื่องที่เก็บฝุ่นได้อย่างน้อย 100 mg ภายใน 1 วัน ซึ่งเพียงพอกับการนำไปศึกษาโครงสร้างเชิงนาโนใน 1 ครั้ง นอกจากนี้ จากการทดสอบการทำงานเบื้องต้นพบว่าเครื่องมีประสิทธิภาพในการดักฝุ่นถึง 80% (ซึ่งมากกว่าเครื่อง ESP ที่หามาได้ตามท้องตลาด) และยังพบอีกว่าประสิทธิภาพในการดักฝุ่นแปรผกผันกับความเร็วอากาศขาเข้า โดยความเร็วอากาศแนะนำจากการทดลองไม่เกิน 2 m/s อย่างไรก็ตามเครื่อง ESP ที่ใช้ในจุดประสงค์เฉพาะนี้ยังมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีก เช่น ความสะดวกในการเก็บฝุ่นที่เกี่ยวเนื่องมาจากลักษณะโครงสร้างเครื่อง และการปรับขนาดของเครื่องให้กระทัดรัดและเหมาะสมกับการใช้งาน เป็นต้น