Back

Effects of calcium and vitamin D supplementation on growth performances in Golden apple snail (Pomacea sp.)

ผลของการเสริมแคลเซียมและวิตามินดีต่อคุณลักษณะการเติบโตในหอยหวานทอง (Pomacea sp.)

@คณะเทคโนโลยีการเกษตร

#Cluster 2024
#BCG (Bio-Circular-Green Economy)
ผลของการเสริมแคลเซียมและวิตามินดีต่อคุณลักษณะการเติบโตในหอยหวานทอง (Pomacea sp.)

Details

Study on the effects of supplementation with calcium and vitamin D on the growth characteristics of golden apple snails. The snails were divided into 5 groups: control group, calcium supplementation group 1% with vitamin D2 50 micrograms/gram, calcium supplementation group 1% with vitamin D2 100 micrograms/gram, calcium supplementation group 1% with vitamin D2 200 micrograms/gram, and a group supplemented with calcium 1% and vitamin D2 300 micrograms/gram, respectively. Each experimental set had 4 repetitions. In each experimental set, calcium and vitamin D were mixed in shrimp food. The snails used in the experiment were 3 days old, raised at a density of 100 individuals per 500 milliliters (12.5 x 17.5 x 7.2 cm). The initial average weight and length of 0.23 ± 0.02 grams and 1.58 ± 0.03 millimeters, respectively. After the third week, the snails were transferred and raised in larger tanks using water volume 7 liters (container equal 15 liters). At the end of the experiment, it was found that the average weights of the golden apple snails were T1 (5.45 ± 0.39), T2 (5.98 ± 0.58), T3 (6.65 ± 1.18), T4 (5.54 ± 0.44), and T5 (5.26 ± 1.38), respectively. The average lengths were T1 (6.72 ± 0.74), T2 (8.61 ± 1.10), T3 (12.12 ± 0.67), T4 (11.34 ± 0.28), and T5 (10.73 ± 2.21), respectively. There were no statistically significant differences in meat exchange rate, specific growth rate, and water quality parameters (P<0.05). This study demonstrates that calcium 1% and vitamin D2 100 micrograms improve the efficiency of golden apple snail growth and have a survival rate of over 80%.

Objective

หอยแอปเปิล Pomacea sp. เป็นหอยน้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกาใต้ในเขตร้อน กึ่งเขตร้อนและเขตอบอุ่น หอยแอปเปิลเริ่มมีการแพร่กระจายเข้ามาในแถบเอเชียเมื่อปี 1980 และเป็นศัตรูที่รุกรานในนาข้าว จึงมีการศึกษาและวิธีการควบคุมต่างๆ ทั้งเคมี ชีววิทยา และการเพาะเลี้ยง แต่ในทวีปยุโรปนิยมนำหอยทากบางชนิดเช่น Helix aspersa และ Helix pomatia มารับประทานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี และประเทศสเปน ที่มีผู้บริโภคหอยทากในแต่ละปีมากถึง 40,000 ตันต่อปี 38,000 ตันต่อปี และ 20,000 ตันต่อปี ตามลำดับ ขณะที่ทางทวีปแอฟริกานิยมรับประทานหอยทาก Achatina achatina และ Achatina julica เพราะถูกจัดว่าเป็นอาหารที่มีโปรตีน (20.7) ที่สูงกว่าเนื้อหมู(11.9) เนื้อแพะ เนื้อแกะ (15.7) และเนื้อวัว (17.5) มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีไขมันและคลอเรสเตอรอลที่ต่ำ (1.21) เป็นแหล่งอาหารประเภทโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่สามารถทดแทนกันได้ ฉะนั้นจึงเกิดการเพาะเลี้ยงหอยแอปเปิลขึ้นในฟาร์ม ซึ่งการเพาะเลี้ยงหอยแอปเปิลนั้นกลายเป็นอาชีพที่น่าสนใจในกลุ่มชาวเกษตรกร อีกทั้งยังใช้ต้นทุนสำหรับการเพาะเลี้ยงที่น้อย ทำให้การเพาะเลี้ยงหอยแอปเปิลเป็นอาชีพที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และปัญหาในการเพาะเลี้ยงที่พบเจอคือ การเติบโตที่ช้า อาจเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ความหนาแน่นในการเพาะเลี้ยง หรือสารอาหารที่ได้รับ และสารอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเติบโตของหอย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ต้องเป็นไปตามความต้องการในด้านของโปรตีน พลังงาน และแร่ธาตุ
แคลเซียมถือว่าเป็นแร่ธาตุหลักชนิดหนึ่งที่พบในกระดูกและเปลือกของสัตว์ เป็นองค์ประกอบสำคัญของของเหลวภายในเซลล์และเนื้อเยื่อที่มีชีวิต และเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อชีวิตของหอยโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องอาศัยเปลือกหุ้มเพื่อป้องกันตัว ในการอยู่รอดหากจากสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมบริเวณน้ำจืด อีกทั้งยังช่วยสร้างขนาดของเปลือกให้มีความแข็งแรง เช่น หอยแอปเปิล วิตามินดี มีหน้าที่หลักช่วยในการดูดซึมแคลเซียมซึ่งวิตามินดีถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นอีกสารชนิดหนึ่ง ที่มีโปรฮอร์โมนทำหน้าที่ควบคุมสภาวะสมดุลของแคลเซียมและการบำรุงรักษาโครงกระดูกที่แข็งแรง ในหอยเกี่ยวข้องกับการสร้างเปลือก และวิตามินดีเป็นสารเมแทบอไลต์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นการทำงานที่เกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจนกับการทำงานของเซลล์แคลเซียมกับกระบวรซ่อมแซมเปลือก ซึ่งการเสริมแคลเซียมในหอยโข่ง Pila sp. ที่ระดับ 1-5% มีการเติบโตมากที่สุด เมื่อเทียบกับระดับแคลเซียมที่ 7% และ 9%

Project Members

ณิชกานต์ สระทองห้อย
NITCHAKAN SRATHONGHOI

#นักศึกษา

Member
รุ่งตะวัน ยมหล้า
Rungtawan Yomla

#อาจารย์

Advisor

Vote for this Innovation!

Loading...