Back

STUDY OF THE RELATIONSHIP BETWEEN THE CONCENTRATIONS OF PM2.5 AND PM10 MICRON AND TRAFFIC VOLUME AT RAM INTRA TOLL GATE CHALONG RAT EXPRESSWAY

การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 และ 10 ไมครอน กับปริมาณจราจร บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางรามอินทรา ทางพิเศษฉลองรัช

@คณะวิทยาศาสตร์

#KLLC 2024
#Healthcare and Wellness
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 และ 10 ไมครอน กับปริมาณจราจร บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางรามอินทรา ทางพิเศษฉลองรัช

Details

This special project is to study the relationship between the concentrations of PM2.5 and PM10 and traffic volume that affect the health of expressway toll collectors. By using a portable atmospheric dust measuring instrument to measure the concentrations of PM2.5 and PM10 inside toll booths 3 and 4 between August 16th to 26th, 2023. Measure the concentrations of PM2.5 and PM10 in the general atmosphere outside toll booths between 1st January - 30th June 2023, by using the Expressway Authority of Thailand's environmental quality measuring instrument in the Ram Intra Toll Gate Chalong Rat Expressway. Then count the number of vehicles passing through the toll gate. Health effects of the toll collectors were examined using a questionnaire. All collected data were calculated to find the correlation between concentrations of PM2.5 and PM10 and traffic volume as well as concentrations of PM2.5 and PM10 and health effects of the toll collectors.

Objective

ปัจจุบันปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) และฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) นับเป็นปัญหามลพิษอากาศที่สำคัญในเมืองใหญ่ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปีแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง ฟอสซิลของรถยนต์ กระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้ากระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และปฏิกิริยาเคมีในบรรยากาศ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ ระบบหัวใจ และหลอดเลือด เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาสัมผัส อายุ และสุขภาพอนามัยของผู้รับสัมผัสแต่ละคน กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ในบรรยากาศทั่วไปที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือสุขภาพมนุษย์ มีค่าไม่เกิน 37.5 และไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ (กรมควบคุมมลพิษ, 2566)							
 กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ที่มักเกิดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และ ฝุ่นละออง PM10 ในบรรยากาศเกินมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณริมถนน จากสถิติกรมขนส่งทางบก ในปี พ.ศ. 2564 รายงานว่ามีรถจดทะเบียนใหม่ในกรุงเทพมหานคร 2,971,535 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2564 ที่มีปริมาณรถยนต์ 2,682,200 คัน (กองแผนงาน กรมขนส่งทางบก, 2566) จากปัญหาการจราจรที่หนาแน่น จึงได้มีการสร้างทางพิเศษขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหารถติดในกรุงเทพมหานคร ทางพิเศษฉลองรัชเป็นหนึ่งในทางพิเศษที่ช่วยแบ่งเบาการจราจรบนถนนรามอินทรา มีระยะทางทั้งสิ้น 28.2 กิโลเมตร มีด่านเก็บค่าผ่านทางทั้งสิ้น 14 ด่าน โดยมีรถยนต์ 4 ล้อ และรถบรรทุกผ่านเส้นทางนี้เป็นจำนวนมาก	พนักงานเก็บค่าผ่านทางพิเศษมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับมลพิษจากไอเสียของรถยนต์ เนื่องจากต้องทำงานในสถานที่ปิด คับแคบ และมีรถวิ่งตลอดเวลา เมื่อได้รับมลพิษเหล่านี้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคระบบทางเดินหายใจ			
 ดังนั้น การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาความเข้มข้นของฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ในตู้เก็บค่าผ่านทางพิเศษเปรียบเทียบกับในบรรยากาศทั่วไป บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางรามอินทรา ทางพิเศษฉลองรัช รวมทั้งศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงานมามากกว่า 10 ปี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนป้องกันการได้รับฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ของพนักงานเก็บค่าผ่านทางพิเศษต่อไปในอนาคต

Project Members

ภรภัทร ศึกษานนท์
PORAPAT SUKSANON

#นักศึกษา

Member
ปิติพร เตชะวงค์
PITIPORN TACHAWONG

#นักศึกษา

Member
สุวรรณี จรรยาพูน
Suwannee Junyapoon

#อาจารย์

Advisor
อัศวิน วงศ์วิวัฒน์
Asawin Wongwiwat

#อาจารย์

Co-advisor

Vote for this Innovation!

Loading...