Back

Comparison of Inventory Control Policies for the Problem of Uncertain Demand: A Case Study of a Bottled Potable Water Production Company

การเปรียบเทียบนโยบายการควบคุมพัสดุคงคลังสำหรับปัญหาความต้องการที่ไม่แน่นอน : กรณีศึกษาบริษัทผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดแห่งหนึ่ง

@คณะวิศวกรรมศาสตร์

#KLLC 2024
#Industry 4.0
การเปรียบเทียบนโยบายการควบคุมพัสดุคงคลังสำหรับปัญหาความต้องการที่ไม่แน่นอน : กรณีศึกษาบริษัทผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดแห่งหนึ่ง

Details

This research studies the appropriate warehouse policy model that minimizes total costs by analyzing past customer demand for bottled water, which is found to be a stochastic demand with a combination of trend pattern and seasonal pattern. The study forecasts future demand quantitatively using two methods: Simple Moving Average and Exponential Weighted Moving Average, over a three-year period from January 1, 2021, to December 31, 2023. The forecasted demand for bottled water is then used to calculate two inventory policy models, that is, (Q,R) Inventory Policy and (T,S) Inventory Policy, with T values of 1, 2, 3, 4, 5, 6, and 7. The research analyzes and compares total inventory costs, including holding costs, ordering costs, backorder costs, and overtime costs, to determine the most suitable inventory policy with the lowest total cost.
The research finds that different forecasting methods, namely the Simple Moving Average and the Exponential Weighted Moving Average, resulted in the lowest total costs for the same inventory policy, (T,S), when T=3. Forecasting with the Simple Moving Average method, when rho=5, resulted in a total cost of 588,203 THB, and forecasting with the Exponential Weighted Moving Average method, when alpha=0.3, resulted in a total cost of 566,255 THB, over the period from January 1, 2021, to December 31, 2023

Objective

ปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศไทยมีหลากหลายประเภท ซึ่งอุตสาหกรรมน้ำดื่มบรรจุขวดเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่สำคัญ และอุตสาหกรรมน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนสูง  แต่การพัฒนาเครื่องจักรและเทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาต่อเนื่องจนสามารถช่วยลดต้นทุนเครื่องจักรและต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ทำให้สภาวะการแข่งขันในการผลิตและจำหน่ายสูงทั้งผู้ผลิตรายใหญ่และผู้ผลิตรายเล็ก ซึ่งส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 60 ถูกควบคุมโดยผู้ผลิตรายใหญ่นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตรายเล็กที่เน้นตลาดต่างจังหวัดทำให้ภาคการผลิตจำเป็นต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ โดยปัจจัยสำคัญของภาคการผลิต คือ การลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ (Material Cost) ต้นทุนการสั่งซื้อ (Ordering Cost) ต้นทุนการจัดเก็บ (Holding Cost) ต้นทุนแรงงาน (Labor Cost) ต้นทุนค่าจ้างล่วงเวลา (Overtime Cost) และต้นทุนค้างส่ง (Backorder Cost) เป็นต้น 
จากบริษัทกรณีศึกษาเป็นธุรกิจน้ำดื่มบรรจุขวด เมื่อพิจารณาจากคลังสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) ของน้ำดื่มบรรจุขวดและวัตถุดิบ (Raw Material) พบว่าสินค้าคงคลังมีจำนวนมากเกินไป โดยมีสาเหตุอันเนื่องมาจาก
1. ไม่มีการกำหนดนโยบายสินค้าคงคลัง จึงทำให้สินค้าคงคลังมีจำนวนมากเกินไป ส่งผลให้มีต้นทุนการจัดเก็บรักษาสูง
2. ไม่มีการวางแผนการผลิต และไม่มีการนำข้อมูลการขายในอดีตมาวิเคราะห์ทางด้านสถิติ จึงไม่สามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ ส่งผลให้มีสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) มากเกินไป
3. มีการตรวจสินค้าคงคลังแบบต่อเนื่อง (Continuous Inventory System) และสั่งซื้อวัตถุดิบด้วยการใช้ประสบการณ์และความชำนาญจากผู้ปฏิบัติงาน โดยไม่มีวิธีการที่แน่ชัด ส่งผลให้วัตถุดิบ (Raw Material) มีจำนวนมากเกินไป
จากข้อมูลการสั่งซื้อวัตถุดิบ (Raw Material) และความต้องการน้ำดื่มบรรจุขวดของปี 2566 พบว่ามีปริมาณการสั่งซื้อมากกว่าความต้องการน้ำดื่มบรรจุขวดของลูกค้า และทำให้ระดับสินค้าคงคลังสูง จึงส่งผลให้ต้นทุนรวมสูงตามไปด้วย

Project Members

อริสรา จันทร์ปลูก
ARISSARA CHANPLOOK

#นักศึกษา

Member
ธนากร สุภาพักตร์
TANAKORN SUPAPAK

#นักศึกษา

Member
สิปปกร อำนวยศิริ
SIPPAKORN AMNUAYSIRI

#นักศึกษา

Member
กิตติวัฒน์ สิริเกษมสุข
Kittiwat Sirikasemsuk

#อาจารย์

Advisor

Vote for this Innovation!

Loading...